วิกิซอร์ซ thwikisource https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81 MediaWiki 1.39.0-wmf.22 first-letter สื่อ พิเศษ พูดคุย ผู้ใช้ คุยกับผู้ใช้ วิกิซอร์ซ คุยเรื่องวิกิซอร์ซ ไฟล์ คุยเรื่องไฟล์ มีเดียวิกิ คุยเรื่องมีเดียวิกิ แม่แบบ คุยเรื่องแม่แบบ วิธีใช้ คุยเรื่องวิธีใช้ หมวดหมู่ คุยเรื่องหมวดหมู่ สถานีย่อย คุยเรื่องสถานีย่อย ผู้สร้างสรรค์ คุยเรื่องผู้สร้างสรรค์ งานแปล คุยเรื่องงานแปล หน้า คุยเรื่องหน้า ดัชนี คุยเรื่องดัชนี TimedText TimedText talk มอดูล คุยเรื่องมอดูล Gadget Gadget talk Gadget definition Gadget definition talk นิทานโบราณคดี/หัว 0 20887 188398 174438 2022-07-31T04:48:21Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{delete|อ1 - ได้ย้ายหน้าที่เกี่ยวข้องไปยังเนมสเปซที่สมควรแล้ว และหน้านี้มิได้ใช้งานอีกต่อไป}} {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[นิทานโบราณคดี]] | ปี = | ผู้สร้างสรรค์ = | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ {{{1|}}} เรื่อง {{{2|}}} | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ {{{3|}}}|{{{3|}}}]] | ถัดไป = [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ {{{4|}}}|{{{4|}}}]] | หมายเหตุ = }} {{ps|edition=yes}} {{clear}} {{pb2|1={{{5|}}}}} {{fs|85%|[[นิทานโบราณคดี#สารบัญ|สารบัญ]]}} {{c|{{fs|130%|'''นิทานที่ {{{1|}}}'''}}}} {{c|{{fs|120%|'''เรื่อง {{{2|}}}'''}}}} {{r|8em}} 834xivq63yy5l3aowa9kqupkj3m7lhr นิทานโบราณคดี/ท้าย 0 20888 188397 53892 2022-07-31T04:48:07Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{delete|อ1 - ได้ย้ายหน้าที่เกี่ยวข้องไปยังเนมสเปซที่สมควรแล้ว และหน้านี้มิได้ใช้งานอีกต่อไป}} {{r|8em}} ---- {{ท้ายเรื่อง | ก่อนหน้า = [[นิทานโบราณคดี/{{{3|}}}|{{{3|}}}]] | ถัดไป = [[นิทานโบราณคดี/{{{4|}}}|{{{4|}}}]] }} ilbhdrnf9jhh1awe380a7lsh1l9emkx หมวดหมู่:นิทานโบราณคดี 14 20889 188399 54539 2022-07-31T04:49:09Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{delete|ม1}}" wikitext text/x-wiki {{delete|ม1}} a4tsp77kwdxmqj036hgsruk7lli5nge นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11 0 20893 188350 55121 2022-07-31T03:53:48Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 11 เรื่อง โจรแปลกประหลาด | ผู้มีส่..." wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 11 เรื่อง โจรแปลกประหลาด | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 10/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 12/]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = อาชญาวิทยา }} {{สบช| : {{ตลล|ส-110|โจรแปลกประหลาด|110}} :# {{ตลล|ส-111|เรื่องโจรทิม|111}} :# {{ตลล|ส-112|เรื่องโจรจันท์|112}} }} ---- <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="173" to="188"/> 99hzzgzdsf1l24x65saiezxbwy7ejuj 188352 188350 2022-07-31T03:54:40Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๑]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11]] wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 11 เรื่อง โจรแปลกประหลาด | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 10/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 12/]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = อาชญาวิทยา }} {{สบช| : {{ตลล|ส-110|โจรแปลกประหลาด|110}} :# {{ตลล|ส-111|เรื่องโจรทิม|111}} :# {{ตลล|ส-112|เรื่องโจรจันท์|112}} }} ---- <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="173" to="188"/> 99hzzgzdsf1l24x65saiezxbwy7ejuj พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11 1 20894 188351 53893 2022-07-31T03:54:37Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{อธิบายหน้าคุย}}" wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd 188354 188351 2022-07-31T03:54:41Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๑]] ไปยัง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11]] wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9 0 20897 188385 55125 2022-07-31T04:43:02Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 9 เรื่อง หนังสือหอหลวง | ผู้มีส่วน..." wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 9 เรื่อง หนังสือหอหลวง | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 8/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 10/]] | หมายเหตุ = | ผู้สร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง = ก.ศ.ร. กุหลาบ }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="117" to="145"/> op7axea3hm0w8o0ix79to9wob1xb1xy 188391 188385 2022-07-31T04:45:22Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๙]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9]] wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 9 เรื่อง หนังสือหอหลวง | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 8/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 10/]] | หมายเหตุ = | ผู้สร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้อง = ก.ศ.ร. กุหลาบ }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="117" to="145"/> op7axea3hm0w8o0ix79to9wob1xb1xy พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9 1 20898 188386 53899 2022-07-31T04:43:23Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{อธิบายหน้าคุย}}" wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd 188393 188386 2022-07-31T04:45:22Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๙]] ไปยัง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9]] wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 4 1 20900 188389 179645 2022-07-31T04:44:21Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{อธิบายหน้าคุย}}" wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 8 1 20902 188390 179602 2022-07-31T04:44:36Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{อธิบายหน้าคุย}}" wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5 0 21145 188327 78618 2022-07-30T12:26:31Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 5 เรื่อง ของแปลกที่เมืองชัยบุระไ..." wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 5 เรื่อง ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 4/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 6/]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = ประเทศอินเดีย/ประเทศอียิปต์ }} {{สบช| : {{ตลล|ส-ร0|ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย|ร0}} :# {{ตลล|ส-ร1|ชนช้าง|ร1}} :# {{ตลล|ส-ร2|รือสีดัดตน|ร2}} :# {{ตลล|ส-ร3|ถูกสาบ|ร3}} }} ---- <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="57" to="68"/> o67dnuso26ssv02zhzrgjlwdvlos3p7 188329 188327 2022-07-30T12:26:58Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๕]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5]] wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 5 เรื่อง ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 4/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 6/]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = ประเทศอินเดีย/ประเทศอียิปต์ }} {{สบช| : {{ตลล|ส-ร0|ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย|ร0}} :# {{ตลล|ส-ร1|ชนช้าง|ร1}} :# {{ตลล|ส-ร2|รือสีดัดตน|ร2}} :# {{ตลล|ส-ร3|ถูกสาบ|ร3}} }} ---- <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="57" to="68"/> o67dnuso26ssv02zhzrgjlwdvlos3p7 พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5 1 21146 188331 55283 2022-07-30T12:26:58Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๕]] ไปยัง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5]] wikitext text/x-wiki {{ข้อมูลเนื้อหา | ที่มา = สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. (๒๕๐๓). ''นิทานโบราณคดี.'' (พิมพ์ครั้งที่ ๑๐). พระนคร: เขษมบรรณกิจ. <br> * [http://www.sac.or.th/databases/siamrarebooks/main/attachments/article/1747/4-5.pdf นิทานที่ ๕ เรื่อง ของแปลกที่เมืองชัยบุระในอินเดีย.] | รุ่น = | ผู้สร้างสรรค์ = [[ผู้ใช้:Aristitleism|Aristitleism]] | ผู้สอบทาน = [[ผู้ใช้:Aristitleism|Aristitleism]] | คุณภาพเนื้อหา = {{คุณภาพ|75}} | หมายเหตุ = ใช้อักขรวิธีปัจจุบัน วิสามานยนามบางแห่งคงเดิม }} gm3kf13mxcnoezm5hcnps3rwindjxev 188387 188331 2022-07-31T04:43:43Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{อธิบายหน้าคุย}}" wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๕/เชิงอรรถ 0 21196 188395 168377 2022-07-31T04:46:59Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{delete|อ1 - ได้ย้ายไปเนมสเปซที่เกี่ยวข้องแล้ว}} {{note label|reference_name_1|1|1}} "อั้งยี่" สำเนียงกลางว่า "หงจื้อ" (红字, Hóng Zì) แปลว่า อักษรสีชาด (Scarlet Letter) หรือที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงใช้ว่า "หนังสือแดง" {{note label|reference_name_2|2|2}} "ปิคเกอริง" คือ วิลเลียม อะเล็กซันเดอร์ พิกเกอริง (William Alexander Pickering; ค.ศ. ๑๘๔๐–๑๙๐๗) ซึ่งต่อไปในเชิงอรรถนี้จะเรียกว่า "พิกเกอริง" และใช้อักษรโรมันว่า "Pickering" {{note label|reference_name_3|3|3}} "สมาคมรอแยลอาเซียติค" คือ ราชสมาคมเอเชียแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ (Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland) {{note label|reference_name_4|4|4}} "เม่งจู" สำเนียงกลางว่า "หมั่นจู๋" (满族, ''Mǎnzú'') แต่ปัจจุบันนิยมเรียกตามสำเนียงภาษาอังกฤษว่า "แมนจู" (Manchu) {{note label|reference_name_5|5|5}} "ไต้เช็ง" สำเนียงกลางว่า "ต้าชิง" (大清, ''Dà Qīng'') แปลว่า ชิงอันยิ่งใหญ่ {{note label|reference_name_6|6|6}} "คังฮี" สำเนียงกลางว่า "คังซี" (康熙, ''Kāngxī'') {{note label|reference_name_7|7|7}} "ฮวน" สำเนียงกลางว่า "ฟัน" (番, ''fān'') คำเต็มว่า "ฮวนนั้ง" ตามสำเนียงฮกเกี้ยน (?) หรือ "ฟันเหริน" ตามสำเนียงกลาง (番人, ''fān rén'') แปลว่า คนต่างด้าว {{note label|reference_name_8|8|8}} "เฮงโน้ว" สำเนียงกลางว่า "ซฺยงหนู" (匈奴, ''Xiōngnú'') เป็นชื่อกลุ่มคนซึ่งตั้งตัวเป็นสหพันธรัฐอยู่บริเวณมองโกเลียในสมัยโบราณ {{note label|reference_name_9|9|9}} พิกเกอร์ริง (Pickering, 1878: 68) ออกนามวัดว่า "เสี้ยวลิ้ม" (Siau Lim) คือ "เส้าหลิน" (少林, ''Shàolín'') ในสำเนียงกลาง {{note label|reference_name_10|10|10}} "กุ้ยเล้ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Kiu-Lien" (Pickering, 1878: 68) และอาจตรงกับ "กุ้ยหลิน" (桂林, ''Guìlín'') ในสำเนียงกลาง {{note label|reference_name_11|11|11}} "เกี้ยนเล้ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Tean Leng" (Pickering, 1878: 68) และอาจตรงกับ "จินหลิง" (金陵, ''Jīnlíng'') ในสำเนียงกลาง เป็นชื่อเดิมของเมือง "หนันจิง" ตามสำเนียงกลาง หรือ "นันกิง" ตามสำเนียงฮกเกี้ยน (南京, ''Nánjīng'') อยู่ในมณฑลเจียงซูปัจจุบัน {{note label|reference_name_12|12|12}} "เต็งกุนตัด" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Ten-Kun-Tat" (Pickering, 1878: 69) {{note label|reference_name_13|13|13}} "ท่งก๊วน" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Tung-Kuan" (Pickering, 1878: 69) และอาจหมายถึง # "ถงกวน" (潼关, ''Tóngguān'') ในสำเนียงกลาง ซึ่งเป็นชื่ออำเภอในมณฑลส่านซีปัจจุบัน และเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในประวัติศาสตร์จีน # "ตงก่วน" (东莞, ''Dōngguǎn'') ในสำเนียงกลาง ซึ่งเป็นชื่อเมืองในมณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน {{note label|reference_name_14|14|14}} "โอ๊วก๊วง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "O-Kong" (Pickering, 1878: 73) {{note label|reference_name_15|15|15}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ริงว่า ประทานแพรแดงไปให้รัดคอตาย ["At the same time, a Minister should be sent to Kun-Tat with the red scarf, as a punishment for his heinous crime of conspiracy to rebel." (Pickering, 1878: 75)]. {{note label|reference_name_16|16|16}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ริงว่า เจ้าอาวาสเอากระบี่จุ่มเหยือกเหล้าแล้วเกิดเป็นควันมีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง พระสงฆ์ในที่นั้นได้เห็นก็ตกใจหล่นลงจากเก้าอี้กันทุกรูป เมื่อได้สติแล้วจึงรู้ว่า เหล้ามีพิษ ก็พากันร้องด่าข้าหลวง ก่อนเข้ากลุ้มรุมจับข้าหลวงไว้แล้วตัดศีรษะเขาเสีย ไม่ได้บอกว่า เจ้าอาวาสเอากระบี่จุ่มเหล้าแล้วเกิดเป็นเพลิงพลุ่งขึ้นมา และเจ้าอาวาสเป็นผู้ตัดศีรษะข้าหลวงแต่ประการใด ["All took their proper seats in the large Hall, and taking he Imperial gift, were pouring out the wine, and about to drink, when a certain odour caused suspicion to all;—so the Abbot taking in his hand a magic sword bequeathed to the brethren by the founder of the monastery, and dipping it in the jar of wine, immediately there arose a mephitic vapour which forced itself on all present, and made them fall to the ground with terror. After recovering themselves, the priests broke the jar of poisoned wine in pieces, and cursing the treacherous minister… . After again cursing him, the seized Kien-Chhiu, and struck off his head…" (Pickering, 1878: 76)]. {{note label|reference_name_17|17|17}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ริงว่า เพลิงไหม้ พระสงฆ์สิบแปดรูปหลบอยู่หลังพระประธาน แล้วก็หนีพ้นออกจากวัดมาได้ ไปเจอกองทัพของข้าหลวง ก็โกรธ เข้าไปประจัญ แต่สู้ไม่ได้ จึงหนีไปถึงชายหาด ได้รับความอดอยากและหนาวเหน็บ ก็มรณภาพกันจนเหลือห้ารูป เผอิญชาวประมงสองคนแจวเรือมาพบและช่วยไว้ ห้ารูปนี้จึงรอดในที่สุด ["The conflagration continued for two hours, and it is hard to say how many perished in the flames, but only eighteen priests were seen, and they carrying the seal and magic sword of the founder, ran into the inner hall, where they cast themselves before the Image of Buddha…by which the eighteen brethren were enabled to make their escape from the burning monastery. "At the break of the day, these priests saw afar off…a troop of Imperial soldiers,…the priests rushed into the midst of the…soldiers…; but the soldiers cried 'killed these wicked priests,' and as they had no weapons, and most of the priests had been wounded or burnt, they could do nothing against a body of armed men, so had no resource but to escape if possible by flight. They fled, till they arrived at a place of safety called the Long-Sandy Beach…and here they nearly perished of hunger and cold. As they were all on the river bank, two men…fortunately came up, and rescued the brethren in their boat…" (Pickering, 1878: 76-77)]. {{note label|reference_name_18|18|18}} สำหรับหลวงจีนทั้งห้านั้น # "ฉอ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Chhoa" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "ไช่" (蔡, ''Cài'') หรือชื่อเต็มว่า "ไช่ เต๋อจง" (蔡德忠, ''Cài Dézhōng'') ในสำเนียงกลาง # "บุง" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Png" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "ฟัง" (方, ''Fāng'') หรือชื่อเต็มว่า "ฟัง ต้าหง" (方大洪, ''Fāng Dàhóng'') ในสำเนียงกลาง # "มะ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Ma" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "หม่า" (馬, ''Mǎ'') หรือชื่อเต็มว่า "หม่า เชาซิ่ง" (馬超興, ''Mǎ Chāoxìng'') ในสำเนียงกลาง # "โอ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "O" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "หู" (胡, ''Hú'') หรือชื่อเต็มว่า "หู เต๋อตี้" (胡德帝, ''Hú Dédì'') ในสำเนียงกลาง # "ลิ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Li" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "หลี่" (李, ''Lǐ'') หรือชื่อเต็มว่า "หลี่ ซื่อไค" (李式開, ''Lǐ Shìkāi'') ในสำเนียงกลาง {{note label|reference_name_19|19|19}} "หวนเช็งหกเหม็ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Hoan Chheng Hok Beng" และให้คำแปลว่า "Overturn the Chheng and Restore the Beng" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับสำเนียงกลางว่า "ฝั่นชิงฟู่หมิง" (反清復明, ''fǎn qīng fù míng'') แปลว่า "โค่นชิงฟื้นหมิง" (overthrow Qing and restore Ming) {{note label|reference_name_20|20|20}} "ไต้เหม็ง" สำเนียงกลางว่า "ต้าหมิง" (大明, ''Dà Míng'') แปลว่า หมิงอันยิ่งใหญ่ {{note label|reference_name_21|21|21}} "กู้ส่วยเอง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Koeh-siu-eng" (Pickering, 1878: 79) {{note label|reference_name_22|22|22}} "น่อเล้งโต๊ว" เข้าใจว่าเป็นสำเนียงฮกเกี้ยน และอาจตรงกับ "เอ้อร์หลงซี่จู" (二龍戲珠, ''èr lóng xì zhū'') ในสำเนียงกลาง แปลว่า "สองมังกรชิงแก้ว" หรือที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงใช้ว่า "มังกรสองตัวกำลังชิงดวงมุกดากัน" ("น่อ" ตรงกับ "เอ้อร์", "เล้ง" ตรงกับ "หลง" และ "โต๊ว" ตรงกับ "จู" ส่วน "ซี่" เข้าใจว่าตกไป) อนึ่ง วลีว่า "สองมังกรชิงแก้ว" นี้ ในภาษาจีนยังใช้ว่า "เอ้อร์หลงเจิงจู" (二龙争珠, ''èr lóng zhēng zhū'') และ "ชวงหลงซี่จู" (雙龍戲珠, ''shuāng lóng xì zhū'') ส่วนในภาษาปากปัจจุบันเรียก "ผีผีเซียต่าหลันฉิว" (皮皮虾打篮球, ''pí pí xiā dǎ lán qiú''; "กั้งเล่นบาสเกตบอล") {{note label|reference_name_23|23|23}} "มังกรสองตัวกำลังชิงดวงมุกดากัน" พิกเกอร์ริงใช้ภาษาอังกฤษว่า "Two Dragons Disputing For a Pearl" (Pickering, 1878: 79) และในภาษาอังกฤษยังปรากฏคำแปลอีกหลายอย่าง เช่น "Two Dragons Disputing Over a Pearl", "Pair Dragons Chasing Pearl", "Two Dragons Playing With a Pearl" ฯลฯ {{note label|reference_name_24|24|24}} "โหงวโจ๊ว" สำเนียงกลางว่า "อู๋จู่" (五祖, ''Wǔ Zǔ'') แปลว่า อาวุโสทั้งห้า ห้าผู้ก่อตั้ง หรือบรรพบุรุษทั้งห้า ภาษาอังกฤษใช้ว่า "Five Elders" {{note label|reference_name_25|25|25}} "เหล็งโฮ้ว" สำเนียงกลางว่า "หลงหู่" (龙虎, ''Lóng Hǔ'') {{note label|reference_name_26|26|26}} "ตั้งกิ๋มน้ำ" พิกเกอร์ริง (Pickering, 1878: 80) ใช้อักษรโรมันว่า "Tam-Kin-lam" และบอกว่าเป็น นักพรตเต๋า (Taoist hermit) มิใช่หลวงจีน แต่เพราะตั้งกิ๋มน้ำแนะนำตัวว่า เข้าสู่สมณเพศเต๋า จึงอาจทำให้กรมพระยาดำรงราชานุภาพเข้าพระทัยว่า เป็นหลวงจีน [ตั้งกิ๋มน้ำแนะนำตัวตอนหนึ่งว่า "Seeing that the reins of Government were in the hands of a clique of treacherous Ministers, and worthless favourites, I retired from office, and entered the Taoist priesthood." (Pickering, 1878: 81)] {{note label|reference_name_27|27|27}} "แป๊ะเฮาะตั้ง" ตรงกับ "ไป๋เฮ่อต้ง" (白鹤洞, ''Bái Hè Dòng'') ในสำเนียงกลาง แปลว่า "ถ้ำกระเรียนขาว" (Cave of the White Crane) ส่วนพิกเกอร์ (Pickering, 1878: 80) ให้คำแปลว่า "Cave of the White Heron" (ซึ่งแปลว่า "ถ้ำนกกระสาเผือก" อย่างที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงแปล) {{note label|reference_name_28|28|28}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ว่า ศิษย์มีสี่คน รวมนักพรตตั้งกิ๋มน้ำ จึงจะเป็นห้าคน ["There was also a Taoist named Tam-Kin-lam, a hermit dwelling in the cave of the ‘White Heron.’ One day as he was visiting the surrounding villages…he met four men, Tho-hong, Toleng, Ho-Khai, and Tan-phiau, who communicating with him…that they wished to go to the Temple to meet with the five priests… . They all proceeded towards the Temple…" (Pickering, 1878: 80)] {{note label|reference_name_29|29|29}} "จูฮุ่งชัก" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Chu-hung-chok" (Pickering, 1878: 82) {{note label|reference_name_30|30|30}} "เซ่งจง" สำเนียงกลางว่า "ซือจง" (思宗, ''Sīzōng'') คือ พระเจ้าฉงเจิน กษัตริย์องค์สุดท้ายในราชวงศ์หมิง {{note label|reference_name_31|31|31}} "บั้งลุ้ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Ban-lung" (Pickering, 1878: 83) {{note label|reference_name_32|32|32}} "ซินแส" สำเนียงกลางว่า "เซียนเชิง" (先生, ''xiān shēng'') แปลว่า หมอ ครู อาจารย์ ท่าน {{note label|reference_name_33|33|33}} "ตั้วเหี่ย" สำเนียงกลางว่า "ต้าซฺยง" (大兄, ''dà xiōng'') แปลว่า นายใหญ่ ลูกพี่ พี่ใหญ่ ฯลฯ ทำนองเดียวกับที่ในภาษาอังกฤษใช้ว่า "big boss" {{note label|reference_name_34|34|34}} "ฮ่งฮวง" สำเนียงกลางว่า "เฟิ่งหวง" (鳳凰, ''fèng huáng'') {{note label|reference_name_35|35|35}} "เทียนตี้หวย" สำเนียงกลางว่า "เทียนตี้ฮุ่ย" (天地会, ''Tiān Dì Huì'') แปลว่า "สมาคมฟ้าดิน" (Heaven and Earth Society) หรือใช้ว่า "พรรคฟ้าดิน" ก็มี แต่มิได้แปลว่า ฟ้า ดิน มนุษย์ {{note label|reference_name_36|36|36}} "ซาฮะ" สำเนียงกลางว่า "ซันเหอ" (三合, ''Sān Hé'') แปลว่า ไตรสามัคคี หรือองค์สาม (Three Harmonies) สื่อถึง ฟ้า ดิน และมนุษย์ ส่วนภาษาอังกฤษใช้ว่า "Triad" (แปลว่า องค์สาม เช่นกัน) รัฐบาลอังกฤษซึ่งเข้ายึดครองฮ่องกงตั้งให้เพราะเห็นว่า พวกอั้งยี่มักใช้ยันต์รูปสามเหลี่ยม {{note label|reference_name_37|37|37}} "บาบ๋า" สำเนียงกลางว่า "ปาปา" (峇峇, ''Bābā'') และ "ยอหยา" สำเนียงกลางว่า "เหนียงเหร่อ" (娘惹, ''Niángrě'') หรือปัจจุบันเรียกว่า "บ้าบ๋า" (Baba) และ "ย่าหยา" (Nyonya) ตามลำดับ ส่วนในทางวิชาการเรียกรวมกันว่า "เปอรานากัน" (Peranakan) {{note label|reference_name_38|38|38}} "กงสี" สำเนียงกลางว่า "กงซี" (公司, ''gong sī'') แปลว่า บริษัท (company) {{note label|reference_name_39|39|39}} "ยี่เฮีย" สำเนียงกลางว่า "เอ้อร์ซฺยง" (二兄, ''èr xiōng'') {{note label|reference_name_40|40|40}} "ปูนเถ้าก๋ง" สำเนียงกลางว่า "เปิ่นโถวกง" (本頭公, ''Běn Tóu Gōng'') เป็นชื่อเจ้าที่องค์หนึ่งตามความเชื่อจีน {{note label|reference_name_41|41|41}} "ตั้วกงสี" สำเนียงกลางว่า "ต้ากงซี" (大公司, ''Dà Gong Sī'') แปลว่า กงสีใหญ่ {{note label|reference_name_42|42|42}} "เต๊ย" อาจมาจากคำซึ่งสำเนียงกลางว่า "เสี่ย" (写, ''xiě'') แปลว่า เขียน ส่วนในภาษาไทยมีความหมายกลายมาว่า เรี่ยไร ทั้งนี้ จำนงค์ ทองประเสริฐ (๒๕๒๘: ๑๓๕–๑๓๖) ราชบัณฑิต อธิบายว่า <blockquote>"มีคำที่เรามักได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ...เข้าใจว่าจะมาจากภาษาจีน...นั่นคือคำว่า 'เต๊ย' เช่น เขาเต๊ยเงินกันคนละหมื่นสองหมื่น ได้เงินหลายแสน...คำนี้พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานมิได้เก็บไว้...ในที่สุดก็ไปพบในหนังสือ ''ภาษาไทย ภาษาจีน'' ของ คุณเฉลิม ยงบุญเกิด...คำว่า 'เต๊ย' คุณเฉลิม ยงบุญเกิด บอกว่าเป็นคำกริยา แปลว่า 'เรี่ยไร' ภาษาจีนแต้จิ๋ว อ่านว่า 'เต๊ย' แปลว่า เขียน เขียนข้อความหรือชื่อ ทั้งนี้ ก็เพราะการบริจาคเงินในการเรี่ยไรของชาวจีนต้องเขียนข้อความลงในสมุดว่าใครบริจาคเงินเท่าใด จึงได้มีความหมายมาเป็น เรี่ยไร"</blockquote> m7yjsjylst9jgtzjwf5ty608nidd6q4 188396 188395 2022-07-31T04:47:59Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{delete|อ1 - ได้ย้ายหน้าที่เกี่ยวข้องไปยังเนมสเปซที่สมควรแล้ว และหน้านี้มิได้ใช้งานอีกต่อไป}} {{note label|reference_name_1|1|1}} "อั้งยี่" สำเนียงกลางว่า "หงจื้อ" (红字, Hóng Zì) แปลว่า อักษรสีชาด (Scarlet Letter) หรือที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงใช้ว่า "หนังสือแดง" {{note label|reference_name_2|2|2}} "ปิคเกอริง" คือ วิลเลียม อะเล็กซันเดอร์ พิกเกอริง (William Alexander Pickering; ค.ศ. ๑๘๔๐–๑๙๐๗) ซึ่งต่อไปในเชิงอรรถนี้จะเรียกว่า "พิกเกอริง" และใช้อักษรโรมันว่า "Pickering" {{note label|reference_name_3|3|3}} "สมาคมรอแยลอาเซียติค" คือ ราชสมาคมเอเชียแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ (Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland) {{note label|reference_name_4|4|4}} "เม่งจู" สำเนียงกลางว่า "หมั่นจู๋" (满族, ''Mǎnzú'') แต่ปัจจุบันนิยมเรียกตามสำเนียงภาษาอังกฤษว่า "แมนจู" (Manchu) {{note label|reference_name_5|5|5}} "ไต้เช็ง" สำเนียงกลางว่า "ต้าชิง" (大清, ''Dà Qīng'') แปลว่า ชิงอันยิ่งใหญ่ {{note label|reference_name_6|6|6}} "คังฮี" สำเนียงกลางว่า "คังซี" (康熙, ''Kāngxī'') {{note label|reference_name_7|7|7}} "ฮวน" สำเนียงกลางว่า "ฟัน" (番, ''fān'') คำเต็มว่า "ฮวนนั้ง" ตามสำเนียงฮกเกี้ยน (?) หรือ "ฟันเหริน" ตามสำเนียงกลาง (番人, ''fān rén'') แปลว่า คนต่างด้าว {{note label|reference_name_8|8|8}} "เฮงโน้ว" สำเนียงกลางว่า "ซฺยงหนู" (匈奴, ''Xiōngnú'') เป็นชื่อกลุ่มคนซึ่งตั้งตัวเป็นสหพันธรัฐอยู่บริเวณมองโกเลียในสมัยโบราณ {{note label|reference_name_9|9|9}} พิกเกอร์ริง (Pickering, 1878: 68) ออกนามวัดว่า "เสี้ยวลิ้ม" (Siau Lim) คือ "เส้าหลิน" (少林, ''Shàolín'') ในสำเนียงกลาง {{note label|reference_name_10|10|10}} "กุ้ยเล้ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Kiu-Lien" (Pickering, 1878: 68) และอาจตรงกับ "กุ้ยหลิน" (桂林, ''Guìlín'') ในสำเนียงกลาง {{note label|reference_name_11|11|11}} "เกี้ยนเล้ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Tean Leng" (Pickering, 1878: 68) และอาจตรงกับ "จินหลิง" (金陵, ''Jīnlíng'') ในสำเนียงกลาง เป็นชื่อเดิมของเมือง "หนันจิง" ตามสำเนียงกลาง หรือ "นันกิง" ตามสำเนียงฮกเกี้ยน (南京, ''Nánjīng'') อยู่ในมณฑลเจียงซูปัจจุบัน {{note label|reference_name_12|12|12}} "เต็งกุนตัด" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Ten-Kun-Tat" (Pickering, 1878: 69) {{note label|reference_name_13|13|13}} "ท่งก๊วน" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Tung-Kuan" (Pickering, 1878: 69) และอาจหมายถึง # "ถงกวน" (潼关, ''Tóngguān'') ในสำเนียงกลาง ซึ่งเป็นชื่ออำเภอในมณฑลส่านซีปัจจุบัน และเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในประวัติศาสตร์จีน # "ตงก่วน" (东莞, ''Dōngguǎn'') ในสำเนียงกลาง ซึ่งเป็นชื่อเมืองในมณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน {{note label|reference_name_14|14|14}} "โอ๊วก๊วง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "O-Kong" (Pickering, 1878: 73) {{note label|reference_name_15|15|15}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ริงว่า ประทานแพรแดงไปให้รัดคอตาย ["At the same time, a Minister should be sent to Kun-Tat with the red scarf, as a punishment for his heinous crime of conspiracy to rebel." (Pickering, 1878: 75)]. {{note label|reference_name_16|16|16}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ริงว่า เจ้าอาวาสเอากระบี่จุ่มเหยือกเหล้าแล้วเกิดเป็นควันมีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง พระสงฆ์ในที่นั้นได้เห็นก็ตกใจหล่นลงจากเก้าอี้กันทุกรูป เมื่อได้สติแล้วจึงรู้ว่า เหล้ามีพิษ ก็พากันร้องด่าข้าหลวง ก่อนเข้ากลุ้มรุมจับข้าหลวงไว้แล้วตัดศีรษะเขาเสีย ไม่ได้บอกว่า เจ้าอาวาสเอากระบี่จุ่มเหล้าแล้วเกิดเป็นเพลิงพลุ่งขึ้นมา และเจ้าอาวาสเป็นผู้ตัดศีรษะข้าหลวงแต่ประการใด ["All took their proper seats in the large Hall, and taking he Imperial gift, were pouring out the wine, and about to drink, when a certain odour caused suspicion to all;—so the Abbot taking in his hand a magic sword bequeathed to the brethren by the founder of the monastery, and dipping it in the jar of wine, immediately there arose a mephitic vapour which forced itself on all present, and made them fall to the ground with terror. After recovering themselves, the priests broke the jar of poisoned wine in pieces, and cursing the treacherous minister… . After again cursing him, the seized Kien-Chhiu, and struck off his head…" (Pickering, 1878: 76)]. {{note label|reference_name_17|17|17}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ริงว่า เพลิงไหม้ พระสงฆ์สิบแปดรูปหลบอยู่หลังพระประธาน แล้วก็หนีพ้นออกจากวัดมาได้ ไปเจอกองทัพของข้าหลวง ก็โกรธ เข้าไปประจัญ แต่สู้ไม่ได้ จึงหนีไปถึงชายหาด ได้รับความอดอยากและหนาวเหน็บ ก็มรณภาพกันจนเหลือห้ารูป เผอิญชาวประมงสองคนแจวเรือมาพบและช่วยไว้ ห้ารูปนี้จึงรอดในที่สุด ["The conflagration continued for two hours, and it is hard to say how many perished in the flames, but only eighteen priests were seen, and they carrying the seal and magic sword of the founder, ran into the inner hall, where they cast themselves before the Image of Buddha…by which the eighteen brethren were enabled to make their escape from the burning monastery. "At the break of the day, these priests saw afar off…a troop of Imperial soldiers,…the priests rushed into the midst of the…soldiers…; but the soldiers cried 'killed these wicked priests,' and as they had no weapons, and most of the priests had been wounded or burnt, they could do nothing against a body of armed men, so had no resource but to escape if possible by flight. They fled, till they arrived at a place of safety called the Long-Sandy Beach…and here they nearly perished of hunger and cold. As they were all on the river bank, two men…fortunately came up, and rescued the brethren in their boat…" (Pickering, 1878: 76-77)]. {{note label|reference_name_18|18|18}} สำหรับหลวงจีนทั้งห้านั้น # "ฉอ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Chhoa" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "ไช่" (蔡, ''Cài'') หรือชื่อเต็มว่า "ไช่ เต๋อจง" (蔡德忠, ''Cài Dézhōng'') ในสำเนียงกลาง # "บุง" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Png" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "ฟัง" (方, ''Fāng'') หรือชื่อเต็มว่า "ฟัง ต้าหง" (方大洪, ''Fāng Dàhóng'') ในสำเนียงกลาง # "มะ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Ma" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "หม่า" (馬, ''Mǎ'') หรือชื่อเต็มว่า "หม่า เชาซิ่ง" (馬超興, ''Mǎ Chāoxìng'') ในสำเนียงกลาง # "โอ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "O" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "หู" (胡, ''Hú'') หรือชื่อเต็มว่า "หู เต๋อตี้" (胡德帝, ''Hú Dédì'') ในสำเนียงกลาง # "ลิ" พิกเกอริงใช้อักษรโรมันว่า "Li" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับ "หลี่" (李, ''Lǐ'') หรือชื่อเต็มว่า "หลี่ ซื่อไค" (李式開, ''Lǐ Shìkāi'') ในสำเนียงกลาง {{note label|reference_name_19|19|19}} "หวนเช็งหกเหม็ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Hoan Chheng Hok Beng" และให้คำแปลว่า "Overturn the Chheng and Restore the Beng" (Pickering, 1878: 78) ตรงกับสำเนียงกลางว่า "ฝั่นชิงฟู่หมิง" (反清復明, ''fǎn qīng fù míng'') แปลว่า "โค่นชิงฟื้นหมิง" (overthrow Qing and restore Ming) {{note label|reference_name_20|20|20}} "ไต้เหม็ง" สำเนียงกลางว่า "ต้าหมิง" (大明, ''Dà Míng'') แปลว่า หมิงอันยิ่งใหญ่ {{note label|reference_name_21|21|21}} "กู้ส่วยเอง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Koeh-siu-eng" (Pickering, 1878: 79) {{note label|reference_name_22|22|22}} "น่อเล้งโต๊ว" เข้าใจว่าเป็นสำเนียงฮกเกี้ยน และอาจตรงกับ "เอ้อร์หลงซี่จู" (二龍戲珠, ''èr lóng xì zhū'') ในสำเนียงกลาง แปลว่า "สองมังกรชิงแก้ว" หรือที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงใช้ว่า "มังกรสองตัวกำลังชิงดวงมุกดากัน" ("น่อ" ตรงกับ "เอ้อร์", "เล้ง" ตรงกับ "หลง" และ "โต๊ว" ตรงกับ "จู" ส่วน "ซี่" เข้าใจว่าตกไป) อนึ่ง วลีว่า "สองมังกรชิงแก้ว" นี้ ในภาษาจีนยังใช้ว่า "เอ้อร์หลงเจิงจู" (二龙争珠, ''èr lóng zhēng zhū'') และ "ชวงหลงซี่จู" (雙龍戲珠, ''shuāng lóng xì zhū'') ส่วนในภาษาปากปัจจุบันเรียก "ผีผีเซียต่าหลันฉิว" (皮皮虾打篮球, ''pí pí xiā dǎ lán qiú''; "กั้งเล่นบาสเกตบอล") {{note label|reference_name_23|23|23}} "มังกรสองตัวกำลังชิงดวงมุกดากัน" พิกเกอร์ริงใช้ภาษาอังกฤษว่า "Two Dragons Disputing For a Pearl" (Pickering, 1878: 79) และในภาษาอังกฤษยังปรากฏคำแปลอีกหลายอย่าง เช่น "Two Dragons Disputing Over a Pearl", "Pair Dragons Chasing Pearl", "Two Dragons Playing With a Pearl" ฯลฯ {{note label|reference_name_24|24|24}} "โหงวโจ๊ว" สำเนียงกลางว่า "อู๋จู่" (五祖, ''Wǔ Zǔ'') แปลว่า อาวุโสทั้งห้า ห้าผู้ก่อตั้ง หรือบรรพบุรุษทั้งห้า ภาษาอังกฤษใช้ว่า "Five Elders" {{note label|reference_name_25|25|25}} "เหล็งโฮ้ว" สำเนียงกลางว่า "หลงหู่" (龙虎, ''Lóng Hǔ'') {{note label|reference_name_26|26|26}} "ตั้งกิ๋มน้ำ" พิกเกอร์ริง (Pickering, 1878: 80) ใช้อักษรโรมันว่า "Tam-Kin-lam" และบอกว่าเป็น นักพรตเต๋า (Taoist hermit) มิใช่หลวงจีน แต่เพราะตั้งกิ๋มน้ำแนะนำตัวว่า เข้าสู่สมณเพศเต๋า จึงอาจทำให้กรมพระยาดำรงราชานุภาพเข้าพระทัยว่า เป็นหลวงจีน [ตั้งกิ๋มน้ำแนะนำตัวตอนหนึ่งว่า "Seeing that the reins of Government were in the hands of a clique of treacherous Ministers, and worthless favourites, I retired from office, and entered the Taoist priesthood." (Pickering, 1878: 81)] {{note label|reference_name_27|27|27}} "แป๊ะเฮาะตั้ง" ตรงกับ "ไป๋เฮ่อต้ง" (白鹤洞, ''Bái Hè Dòng'') ในสำเนียงกลาง แปลว่า "ถ้ำกระเรียนขาว" (Cave of the White Crane) ส่วนพิกเกอร์ (Pickering, 1878: 80) ให้คำแปลว่า "Cave of the White Heron" (ซึ่งแปลว่า "ถ้ำนกกระสาเผือก" อย่างที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงแปล) {{note label|reference_name_28|28|28}} ต้นฉบับของพิกเกอร์ว่า ศิษย์มีสี่คน รวมนักพรตตั้งกิ๋มน้ำ จึงจะเป็นห้าคน ["There was also a Taoist named Tam-Kin-lam, a hermit dwelling in the cave of the ‘White Heron.’ One day as he was visiting the surrounding villages…he met four men, Tho-hong, Toleng, Ho-Khai, and Tan-phiau, who communicating with him…that they wished to go to the Temple to meet with the five priests… . They all proceeded towards the Temple…" (Pickering, 1878: 80)] {{note label|reference_name_29|29|29}} "จูฮุ่งชัก" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Chu-hung-chok" (Pickering, 1878: 82) {{note label|reference_name_30|30|30}} "เซ่งจง" สำเนียงกลางว่า "ซือจง" (思宗, ''Sīzōng'') คือ พระเจ้าฉงเจิน กษัตริย์องค์สุดท้ายในราชวงศ์หมิง {{note label|reference_name_31|31|31}} "บั้งลุ้ง" พิกเกอร์ริงใช้อักษรโรมันว่า "Ban-lung" (Pickering, 1878: 83) {{note label|reference_name_32|32|32}} "ซินแส" สำเนียงกลางว่า "เซียนเชิง" (先生, ''xiān shēng'') แปลว่า หมอ ครู อาจารย์ ท่าน {{note label|reference_name_33|33|33}} "ตั้วเหี่ย" สำเนียงกลางว่า "ต้าซฺยง" (大兄, ''dà xiōng'') แปลว่า นายใหญ่ ลูกพี่ พี่ใหญ่ ฯลฯ ทำนองเดียวกับที่ในภาษาอังกฤษใช้ว่า "big boss" {{note label|reference_name_34|34|34}} "ฮ่งฮวง" สำเนียงกลางว่า "เฟิ่งหวง" (鳳凰, ''fèng huáng'') {{note label|reference_name_35|35|35}} "เทียนตี้หวย" สำเนียงกลางว่า "เทียนตี้ฮุ่ย" (天地会, ''Tiān Dì Huì'') แปลว่า "สมาคมฟ้าดิน" (Heaven and Earth Society) หรือใช้ว่า "พรรคฟ้าดิน" ก็มี แต่มิได้แปลว่า ฟ้า ดิน มนุษย์ {{note label|reference_name_36|36|36}} "ซาฮะ" สำเนียงกลางว่า "ซันเหอ" (三合, ''Sān Hé'') แปลว่า ไตรสามัคคี หรือองค์สาม (Three Harmonies) สื่อถึง ฟ้า ดิน และมนุษย์ ส่วนภาษาอังกฤษใช้ว่า "Triad" (แปลว่า องค์สาม เช่นกัน) รัฐบาลอังกฤษซึ่งเข้ายึดครองฮ่องกงตั้งให้เพราะเห็นว่า พวกอั้งยี่มักใช้ยันต์รูปสามเหลี่ยม {{note label|reference_name_37|37|37}} "บาบ๋า" สำเนียงกลางว่า "ปาปา" (峇峇, ''Bābā'') และ "ยอหยา" สำเนียงกลางว่า "เหนียงเหร่อ" (娘惹, ''Niángrě'') หรือปัจจุบันเรียกว่า "บ้าบ๋า" (Baba) และ "ย่าหยา" (Nyonya) ตามลำดับ ส่วนในทางวิชาการเรียกรวมกันว่า "เปอรานากัน" (Peranakan) {{note label|reference_name_38|38|38}} "กงสี" สำเนียงกลางว่า "กงซี" (公司, ''gong sī'') แปลว่า บริษัท (company) {{note label|reference_name_39|39|39}} "ยี่เฮีย" สำเนียงกลางว่า "เอ้อร์ซฺยง" (二兄, ''èr xiōng'') {{note label|reference_name_40|40|40}} "ปูนเถ้าก๋ง" สำเนียงกลางว่า "เปิ่นโถวกง" (本頭公, ''Běn Tóu Gōng'') เป็นชื่อเจ้าที่องค์หนึ่งตามความเชื่อจีน {{note label|reference_name_41|41|41}} "ตั้วกงสี" สำเนียงกลางว่า "ต้ากงซี" (大公司, ''Dà Gong Sī'') แปลว่า กงสีใหญ่ {{note label|reference_name_42|42|42}} "เต๊ย" อาจมาจากคำซึ่งสำเนียงกลางว่า "เสี่ย" (写, ''xiě'') แปลว่า เขียน ส่วนในภาษาไทยมีความหมายกลายมาว่า เรี่ยไร ทั้งนี้ จำนงค์ ทองประเสริฐ (๒๕๒๘: ๑๓๕–๑๓๖) ราชบัณฑิต อธิบายว่า <blockquote>"มีคำที่เรามักได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ...เข้าใจว่าจะมาจากภาษาจีน...นั่นคือคำว่า 'เต๊ย' เช่น เขาเต๊ยเงินกันคนละหมื่นสองหมื่น ได้เงินหลายแสน...คำนี้พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานมิได้เก็บไว้...ในที่สุดก็ไปพบในหนังสือ ''ภาษาไทย ภาษาจีน'' ของ คุณเฉลิม ยงบุญเกิด...คำว่า 'เต๊ย' คุณเฉลิม ยงบุญเกิด บอกว่าเป็นคำกริยา แปลว่า 'เรี่ยไร' ภาษาจีนแต้จิ๋ว อ่านว่า 'เต๊ย' แปลว่า เขียน เขียนข้อความหรือชื่อ ทั้งนี้ ก็เพราะการบริจาคเงินในการเรี่ยไรของชาวจีนต้องเขียนข้อความลงในสมุดว่าใครบริจาคเงินเท่าใด จึงได้มีความหมายมาเป็น เรี่ยไร"</blockquote> dvsqur5zrw78utif8tular4ci1hsp0x นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 15 0 21197 188378 157696 2022-07-31T04:34:05Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 15 เรื่อง อั้งยี่ | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 14/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 16/]] | สถานีย่อย = อั้งยี่ }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="243" to="284"/> ---- {{รกออ}} g5cy5fh5rnr9wpgja2uo12nprxnbjwk 188379 188378 2022-07-31T04:34:22Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 15 เรื่อง อั้งยี่ | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../นิทานที่ 14/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 16/]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = อั้งยี่ }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="243" to="284"/> ---- {{รกออ}} 77f8omuv6el1fl9yxs7tb9epnz722fm พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 2 1 21203 188388 179583 2022-07-31T04:44:08Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{อธิบายหน้าคุย}}" wikitext text/x-wiki {{อธิบายหน้าคุย}} ja98d7ffa5x8leaos7hhld5poxg6gsd อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม (2469)/ตอน 1 0 22060 188414 69989 2022-07-31T09:37:50Z Venise12mai1834 8884 แทนที่เนื้อหาด้วย "{{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2469 | ผู้สร้างสรรค์ = พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = 1. อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อ..." wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2469 | ผู้สร้างสรรค์ = พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = 1. อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../สารบารพ์/]] | ถัดไป = [[../ตอน 2|2.]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = ชื่อประเทศไทย }} <pages index="อธิบายเบ็ดเตล็ดฯ พงศาวดารฯ - ดำรง - ๒๔๖๙.pdf" from="11" to="15"/> te6jxc0syi7hfmwndlcwa74l4v443mh 188415 188414 2022-07-31T09:38:07Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/๑]] ไปยัง [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1]] wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2469 | ผู้สร้างสรรค์ = พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = 1. อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../สารบารพ์/]] | ถัดไป = [[../ตอน 2|2.]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = ชื่อประเทศไทย }} <pages index="อธิบายเบ็ดเตล็ดฯ พงศาวดารฯ - ดำรง - ๒๔๖๙.pdf" from="11" to="15"/> te6jxc0syi7hfmwndlcwa74l4v443mh 188417 188415 2022-07-31T09:38:43Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1]] ไปยัง [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม (2469)/ตอน 1]] wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2469 | ผู้สร้างสรรค์ = พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = 1. อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../สารบารพ์/]] | ถัดไป = [[../ตอน 2|2.]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = ชื่อประเทศไทย }} <pages index="อธิบายเบ็ดเตล็ดฯ พงศาวดารฯ - ดำรง - ๒๔๖๙.pdf" from="11" to="15"/> te6jxc0syi7hfmwndlcwa74l4v443mh 188420 188417 2022-07-31T09:39:51Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม]] | ปี = 2469 | ผู้สร้างสรรค์ = พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = 1. อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../สารบารพ์/]] | ถัดไป = [[../ตอน 2|2.]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = ชื่อประเทศไทย }} <pages index="อธิบายเบ็ดเตล็ดฯ พงศาวดารฯ - ดำรง - ๒๔๖๙.pdf" from="11" to="15"/> 79yvizdn5mi9p8s3ta4kgqchvymmw3q นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 1 0 23509 188377 154341 2022-07-31T04:32:56Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = นิทานที่ 1 เรื่อง พระพุทธรูปประหลาด | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../สารบาน/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 2/]] | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = ภาคเหนือของไทย/ศาสนาพุทธ }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="16" to="22"/> qbh3e9g2ur0xg1xbfjl6je82lttvsig สถานีย่อย:อาชญาวิทยา 100 39369 188402 187092 2022-07-31T05:01:05Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = อาชญาวิทยา | class = H | subclass1 = V | subclass2 = B | reviewed = | commonscat = Criminology | notes = }} ==งาน== * {{ลปง|คดีอาร์มสต๎รอง|กรมราชเลขาธิการ|2465}} {{ลฟใน|อาร์มสตรอง - ๒๔๖๕.pdf}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||โจรแปลกประหลาด}} * {{ลปง|เบื้องหลังสังหารโหด 20 มหาบุรุษและรัฐบุรุษของโลก|เขียนทับผู้สร้างสรรค์={{ลผส|สันทัดกรณีย์}} และ {{ลผส|พูนศักดิ์ ศักดานุวัฒน์}}|ปี=2508}} {{ลฟใน|สังหารโหด - สันทัดกรณีย์, พูนศักดิ์ ศักดานุวัฒน์ - ๒๕๐๘.pdf}} * {{ลปง|ลักษณอาญาจีนสมัยเก่า|จอร์จ เฮนรี เมสัน|2454}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 19|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||สถานที่ประหารชีวิตในกรุงเทพฯ}} * {{ลปง|สนทนากับผู้ร้ายปล้น|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2468}} ==ดูเพิ่ม== * '''[[สถานีย่อย:อั้งยี่]]''' * '''[[สถานีย่อย:เรื่องลึกลับ]]''' [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยสังคมศาสตร์]] j2s5mxim2x8g96bo08fyx7h7vqmehva แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก/doc 10 41075 188425 127940 2022-07-31T10:05:40Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตย]]}} ==วัตถุประสงค์== ใช้สร้างตัวยกที่มีจุดตรึง (anchor point) และมีลิงก์ไปจุดตรึงจุดอื่น ==วิธีใช้== ===โค้ด=== โค้ดทั้งหมดมีดังนี้ <pre> {{ลิงก์ตัวยก|1=|2=|3=|4=|5=|ตรึง=|ปลายทาง=}} </pre> ===คำอธิบายย่อ=== * ช่อง '''1''' = ข้อความที่จะเป็นตัวยก * ช่อง '''2''' = ข้อความนำหน้า (นำหน้าชื่อจุดตรึงต้นทางและปลายทาง) * ช่อง '''3''' = ข้อความนำหน้าอีกชั้นหนึ่ง (สำหรับจุดตรึงต้นทาง) * ช่อง '''4''' = ข้อความนำหน้าอีกชั้นหนึ่ง (สำหรับจุดตรึงปลายทาง) * ช่อง '''5''' = ชื่อหน้าปลายทาง ในกรณีที่จุดตรึงปลายทางอยู่หน้าอื่น * '''ต้นทาง''' = สำหรับกรณีต้องการตั้งชื่อจุดตรึงต้นทางใหม่หมด นอกจากชื่ออัตโนมัติตามข้างต้น * '''ปลายทาง''' = สำหรับกรณีที่ต้องการระบุชื่อจุดตรึงปลายทางใหม่หมด นอกจากชื่ออัตโนมัติตามข้างต้น ===คำอธิบายโดยละเอียด=== แม่แบบนี้จะสร้างจุดตรึงต้นทาง และลิงก์ไปยังจุดตรึงปลายทาง ผ่านข้อความที่เป็นตัวยก (ช่อง 1) โดยใช้ข้อความที่เป็นตัวยก เป็นชื่อหลักของจุดตรึงต้นทาง แล้วกำหนดให้สร้างข้อความนำ เพื่อประกอบกันเป็นชื่อเฉพาะสำหรับจุดตรึง ทั้งต้นทางและปลายทาง (ช่อง 2) ก่อนจะกำหนดให้สร้างข้อความนำอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเป็นชื่อเฉพาะสำหรับจุดตรึงต้นทาง (ช่อง 3) และสำหรับจุดตรึงปลายทาง (ช่อง 4) นอกจากนี้ ถ้าจุดตรึงปลายทางอยู่คนละหน้ากับจุดตรึงต้นทาง ก็กำหนดให้ระบุหน้าปลายทาง (ช่อง 5) ข้างต้น คือ การกำหนดชื่อจุดตรึงโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าต้องการกำหนดเป็นอย่างอื่นทั้งหมด ก็เปิดให้ทำโดย โดยช่องชื่อ "ต้นทาง" สำหรับจุดตรึงต้นทาง และช่องชื่อ "ปลายทาง" สำหรับจุดตรึงปลายทาง ===หมายเหตุ=== แม่แบบนี้เพียงสร้าง (1) จุดตรึงต้นทาง และ (2) การลิงก์ไปยังจุดตรึงปลายทาง แต่จะลิงก์ไปยังปลายทางได้ ต้องไปสร้างจุดตรึงที่ปลายทางอีกชั้นหนึ่ง อาจด้วย [[:แม่แบบ:ตรึง]] หรือแม่แบบอื่น ๆ แล้วแต่สมควร ==ตัวอย่าง== <pre> ประโยค 1 ประโยค 2 ประโยค 3{{ลิงก์ตัวยก|ก|เชิงอรรถ-|ต้นทาง|ปลายทาง-}} </pre> :: ประโยค 1 ประโยค 2 ประโยค3{{ลิงก์ตัวยก|ก|เชิงอรรถ-|ต้นทาง|ปลายทาง-}} ; อธิบาย * จะสร้างจุดตรึง "ก" ท้ายประโยค 3 ทำให้ลิงก์มาจุดตรึง "ก" นั้นได้ โดยจุดตรึง "ก" นั้นจะชื่อ "ต้นทาง-เชิงอรรถ-ก" * จะสร้างลิงก์จากจุดตรึง "ก" ไปยังจุดตรึงอีกแห่ง (จุดตรึงปลายทาง) โดยจุดตรึงปลายนั้นชื่อ "ปลายทาง-เชิงอรรถ-ก" [[หมวดหมู่:แม่แบบลิงก์]] [[หมวดหมู่:แม่แบบที่สร้างจุดตรึง]] 8ktlsnf6vjrnja2e5rr28zz0j8ryctu สถานีย่อย:พยาธิวิทยา 100 42215 188404 180974 2022-07-31T05:03:44Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | class = R | subclass1 = B | reviewed = | shortcut = | notes = การศึกษาสาเหตุ ลักษณะ และความเป็นไปของโรค | wikipedia = {{PAGENAME}} }} [[File:Carved wooden statue, Democratic Republic of Congo, 1880-191 Wellcome L0058811.jpg|thumb|รููปสลักโบราณจากคองโก แสดงโรคเท้าช้าง]] ==งาน== * {{ลปง|ตำราแพทย์แสดงด้วยกาฬโรค|พระอาจวิทยาคม (ยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์)|2453}} {{ลฟใน|ตำรากาฬโรค - แมกฟาแลนด์ - ๒๔๕๓.pdf}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 3|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||เสือไหย่เมืองชุมพร}} ==ดูเพิ่ม== * '''[[สถานีย่อย:โรคไวรัสโคโรนา 2019]]''' [[หมวดหมู่:สถานีย่อยแพทยศาสตร์]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] jc4p4607mzyu3bhcupjj3ptapr517jg สถานีย่อย:อั้งยี่ 100 45665 188401 169446 2022-07-31T04:59:20Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | class = H | subclass1 = V | subclass2 = B | reviewed = | parent = อาชญาวิทยา | portal = | notes = }} [[File:Ang Yi.jpg|thumb|อั้งยี่ซึ่งถูกจับกุมในประเทศสยาม]] ==กฎหมาย== * {{ลปง|พระราชบัญญัติว่าด้วยอั้งยี่ รัตนโกสินทร์ศก 116|สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ|2440}} * {{ลปง|ประกาศตั้งเจ้าพนักงานผู้จดทเบียนอั้งยี่ ลงวันที่ 16 ตุลาคม ร.ศ. 116|พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์|2440}} * {{ลปงย|กฎหมายลักษณอาญา/ภาค 2|พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว|2451|กฎหมายลักษณอาญา||ภาค 2 ว่าด้วยลักษณความผิด}} * {{ลปงย|ประมวลกฎหมายอาญา/ภาค 2|สภาผู้แทนราษฎรไทย|2499|ประมวลกฎหมายอาญา||ภาค 2 ความผิด}} ==งานอื่น== * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 15|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||นิทานที่ 15 อั้งยี่}} * {{ลปงย|การประชุมปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 5/เรื่องที่ 3||2509|การประชุมปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 5||พ.ร.บ. อั้งยี่}} {{ลฟใน|การประชุมปรึกษาราชการแผ่นดินใน_ร_๕_-_๒๕๐๙.pdf}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศไทย]] [[หมวดหมู่:อาชญาวิทยา]] [[หมวดหมู่:องค์การ]] o23gp1xwdq13wbmxkp5dhrvm2dbcrhj 188406 188401 2022-07-31T05:05:13Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | class = H | subclass1 = V | subclass2 = B | reviewed = | parent = อาชญาวิทยา | portal = | notes = }} [[File:Ang Yi.jpg|thumb|อั้งยี่ซึ่งถูกจับกุมในประเทศสยาม]] ==กฎหมาย== * {{ลปง|พระราชบัญญัติว่าด้วยอั้งยี่ รัตนโกสินทร์ศก 116|สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ|2440}} * {{ลปง|ประกาศตั้งเจ้าพนักงานผู้จดทเบียนอั้งยี่ ลงวันที่ 16 ตุลาคม ร.ศ. 116|พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์|2440}} * {{ลปงย|กฎหมายลักษณอาญา/ภาค 2|พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว|2451|กฎหมายลักษณอาญา||ภาค 2 ว่าด้วยลักษณความผิด}} * {{ลปงย|ประมวลกฎหมายอาญา/ภาค 2|สภาผู้แทนราษฎรไทย|2499|ประมวลกฎหมายอาญา||ภาค 2 ความผิด}} ==งานอื่น== * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 2|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||นิทานที่ 2 เรื่อง พระครูวัดฉลอง}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 15|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||นิทานที่ 15 เรื่อง อั้งยี่}} * {{ลปงย|การประชุมปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 5/เรื่องที่ 3||2509|การประชุมปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ 5||พ.ร.บ. อั้งยี่}} {{ลฟใน|การประชุมปรึกษาราชการแผ่นดินใน_ร_๕_-_๒๕๐๙.pdf}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศไทย]] [[หมวดหมู่:อาชญาวิทยา]] [[หมวดหมู่:องค์การ]] rvu6ba2554arprcn64x2ejvgw82jajy หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/243 250 45682 188317 143726 2022-07-30T12:02:52Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 15|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง อั้งยี่|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} {{ก|(1)|บ=font-size:120%}} เมื่อฉันเปนนายพลผู้ช่วยบันชาการทหานบกหยู่ไนกรมยุธนาธิการระหว่าง พ.ส. 2430 จนถึง พ.ส. 2432 ได้เคยมีหน้าที่ทำการปราบพวกจีนอั้งยี่ไนกรุงเทพฯ ครั้งหนึ่ง ต่อมาถึงสมัยเมื่อฉันเปนตำแหน่งเสนาบดีกะซวงมหาดไทยตั้งแต่ พ.ส. 2435 จน พ.ส. 2458 มีหน้าที่ต้องคอยระวังพวกอั้งยี่ตามหัวเมืองหยู่เสมอ บางทีก็ต้องปราบปรามบ้าง แต่ไม่มีเหตุไหย่โตเหมือนเมื่อครั้งฉันหยู่ไนกรมยุธนาธิการ ถึงกะนั้น ก็ได้ความรู้ไนเรื่องอั้งยี่มากขึ้น ครั้นเมื่อฉันออกจากกะซวงมหาดไทยมาจัดการหอพระสมุดสำหรับพระนคร มีกิจตรวดค้นโบรานคดี พบเรื่องอั้งยี่ที่มีมาไนเมืองไทยแต่ก่อน ๆ ไนหนังสือพงสาวดารและจดหมายเหตุเก่าหลายแห่ง เลยหยากรู้เรื่องตำนานของพวกอั้งยี่ จึงได้ไถ่ถามผู้ที่เคยเปนหัวหน้าอั้งยี่ที่คุ้นเคยกัน คือ พระอนุวัติราชนิยม ซึ่งมักเรียกกันว่า "ยี่กอฮง" นั้นเปนต้น เขาเล่าไห้ฟัง ได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีก จึงได้ลองเขียนบันทึกเรื่องอั้งยี่ไว้บ้างหลายปีมาแล้ว ครั้นออกมาหยู่เมืองปีนัง ฉันได้เห็นตำนานต้นเรื่องอั้งยี่ทีแรกเกิดขึ้นไนเมืองจีน มิสเตอร์ปิคเกอริง Mr W.A. Pickering แปลจากภาสาจีนไนตำราของพวกอั้งยี่ พิมพ์เปนภาสาอังกริดไว้ไนหนังสือวารสารของ<noinclude></noinclude> nre4y6w5cn0hj8m2gws8xya6iv70j42 188318 188317 2022-07-30T12:03:11Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 15|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง อั้งยี่|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} {{ก|(1)}} เมื่อฉันเปนนายพลผู้ช่วยบันชาการทหานบกหยู่ไนกรมยุธนาธิการระหว่าง พ.ส. 2430 จนถึง พ.ส. 2432 ได้เคยมีหน้าที่ทำการปราบพวกจีนอั้งยี่ไนกรุงเทพฯ ครั้งหนึ่ง ต่อมาถึงสมัยเมื่อฉันเปนตำแหน่งเสนาบดีกะซวงมหาดไทยตั้งแต่ พ.ส. 2435 จน พ.ส. 2458 มีหน้าที่ต้องคอยระวังพวกอั้งยี่ตามหัวเมืองหยู่เสมอ บางทีก็ต้องปราบปรามบ้าง แต่ไม่มีเหตุไหย่โตเหมือนเมื่อครั้งฉันหยู่ไนกรมยุธนาธิการ ถึงกะนั้น ก็ได้ความรู้ไนเรื่องอั้งยี่มากขึ้น ครั้นเมื่อฉันออกจากกะซวงมหาดไทยมาจัดการหอพระสมุดสำหรับพระนคร มีกิจตรวดค้นโบรานคดี พบเรื่องอั้งยี่ที่มีมาไนเมืองไทยแต่ก่อน ๆ ไนหนังสือพงสาวดารและจดหมายเหตุเก่าหลายแห่ง เลยหยากรู้เรื่องตำนานของพวกอั้งยี่ จึงได้ไถ่ถามผู้ที่เคยเปนหัวหน้าอั้งยี่ที่คุ้นเคยกัน คือ พระอนุวัติราชนิยม ซึ่งมักเรียกกันว่า "ยี่กอฮง" นั้นเปนต้น เขาเล่าไห้ฟัง ได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีก จึงได้ลองเขียนบันทึกเรื่องอั้งยี่ไว้บ้างหลายปีมาแล้ว ครั้นออกมาหยู่เมืองปีนัง ฉันได้เห็นตำนานต้นเรื่องอั้งยี่ทีแรกเกิดขึ้นไนเมืองจีน มิสเตอร์ปิคเกอริง Mr W.A. Pickering แปลจากภาสาจีนไนตำราของพวกอั้งยี่ พิมพ์เปนภาสาอังกริดไว้ไนหนังสือวารสารของ<noinclude></noinclude> muhrj7wh548g25i8z7rp7l1gmirifk8 188320 188318 2022-07-30T12:03:58Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 15|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง อั้งยี่|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} {{ก|(1)|บ=font-size:120%}} เมื่อฉันเปนนายพลผู้ช่วยบันชาการทหานบกหยู่ไนกรมยุธนาธิการระหว่าง พ.ส. 2430 จนถึง พ.ส. 2432 ได้เคยมีหน้าที่ทำการปราบพวกจีนอั้งยี่ไนกรุงเทพฯ ครั้งหนึ่ง ต่อมาถึงสมัยเมื่อฉันเปนตำแหน่งเสนาบดีกะซวงมหาดไทยตั้งแต่ พ.ส. 2435 จน พ.ส. 2458 มีหน้าที่ต้องคอยระวังพวกอั้งยี่ตามหัวเมืองหยู่เสมอ บางทีก็ต้องปราบปรามบ้าง แต่ไม่มีเหตุไหย่โตเหมือนเมื่อครั้งฉันหยู่ไนกรมยุธนาธิการ ถึงกะนั้น ก็ได้ความรู้ไนเรื่องอั้งยี่มากขึ้น ครั้นเมื่อฉันออกจากกะซวงมหาดไทยมาจัดการหอพระสมุดสำหรับพระนคร มีกิจตรวดค้นโบรานคดี พบเรื่องอั้งยี่ที่มีมาไนเมืองไทยแต่ก่อน ๆ ไนหนังสือพงสาวดารและจดหมายเหตุเก่าหลายแห่ง เลยหยากรู้เรื่องตำนานของพวกอั้งยี่ จึงได้ไถ่ถามผู้ที่เคยเปนหัวหน้าอั้งยี่ที่คุ้นเคยกัน คือ พระอนุวัติราชนิยม ซึ่งมักเรียกกันว่า "ยี่กอฮง" นั้นเปนต้น เขาเล่าไห้ฟัง ได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีก จึงได้ลองเขียนบันทึกเรื่องอั้งยี่ไว้บ้างหลายปีมาแล้ว ครั้นออกมาหยู่เมืองปีนัง ฉันได้เห็นตำนานต้นเรื่องอั้งยี่ทีแรกเกิดขึ้นไนเมืองจีน มิสเตอร์ปิคเกอริง Mr W.A. Pickering แปลจากภาสาจีนไนตำราของพวกอั้งยี่ พิมพ์เปนภาสาอังกริดไว้ไนหนังสือวารสารของ<noinclude></noinclude> nre4y6w5cn0hj8m2gws8xya6iv70j42 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/1 250 45687 188384 143715 2022-07-31T04:40:07Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" /></noinclude>[[File:Thailand Fine Arts Dept Seal.svg|180px|center|ตราของกรมศิลปากร]] {{ก|นิทานโบรานคดี|บ=font-size:200%}} {{ก|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ|บ=font-size:120%}} {{ก|กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|บ=font-size:120%}} {{ก|ซงนิพนธ์|บ=font-size:120%}} {{สกอ|sp|100}} {{ก|พนะท่าน จอมพล ป. พิบูลสงคราม|บ=font-size:120%}} {{ก|นายกรัถมนตรี|บ=font-size:120%}} {{ก|โปรดไห้พิมพ์เปนอนุสร}} {{ก|ไนงานพระราชทานเพลิงพระสพ}} {{ก|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ}} {{ก|กรมพระยาดำรงราชานุภาพ}} {{ก|นะ เมรุวัดเทพสิรินทราวาส}} {{ก|เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2487}}<noinclude></noinclude> 51vjnndu6z94tl9tlpui4k1i8655yg6 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/8 250 45691 188383 143723 2022-07-31T04:38:38Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" /></noinclude>[[File:Damrong Rajanubhab seal (posthumous - Thai numerals).svg|center|100px]] {{ก|คำนำ|บ=font-size:140%}} {{ก|นิทานโบรานคดี|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} เรื่องต่าง ๆ ที่จะเล่าต่อไปนี้ล้วนเปนเรื่องจิงซึ่งตัวฉันได้รู้เห็นเอง มิไช่คิดประดิถขึ้นไหม่ แต่เปนเรื่องเกร็ดนอกพงสาวดาร จึงเรียกว่า "นิทานโบรานคดี" เหตุที่จะเขียนนิทานเหล่านี้เกิดแต่ลูกที่หยู่ด้วยหยากรู้เรื่องเก่าแก่ก่อนเทอเกิด ถึงเวลานั่งกินอาหารพร้อมกัน มักชวนไห้เล่าไห้ฟังเนือง ๆ ส่วนตัวฉันเอง เมื่อตกมาถึงเวลาแก่ชรา ดูก็ชอบเล่าอะไร ๆ ไห้เด็กฟังเหมือนหย่างคนแก่ที่เคยเห็นมาแต่ก่อน แม้ตัวฉันเองเมื่อยังเปนหนุ่ม ก็เคยชอบไต่ถามท่านผู้ไหย่หย่างเดียวกัน ยังจำได้ถึงสมัยเมื่อฉันเปนนายทหานมหาดเล็กประจำหยู่ไนพระบรมมหาราชวัง เวลาค่ำ มักชอบไปเฝ้าสมเด็ดเจ้าฟ้ากรมสมเด็ดพระบำราบปรปักส์ที่วังตรงหน้าประตูวิเสสชัยสรี ทูนถามถึงเรื่องโบรานต่าง ๆ ท่านก็โปรดตรัดเล่าไห้ฟังโดยไม่ซงรังเกียด ดูเหมือนจะพอพระหรึทัยไห้ทูนถามด้วยเสียอีก การที่คนแก่ชอบเล่าอะไรไห้เด็กฟังน่าจะเปนธัมดามนุส<noinclude></noinclude> f2j8bet64op95ruefukwbaf56thdp03 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/16 250 45693 188312 176520 2022-07-30T12:01:05Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 1|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง พระพุทธรูปประหลาด|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} เมื่อฉันเปนเสนาบดีกะซวงมหาดไทย ขึ้นไปตรวดราชการมนทลพายัพครั้งแรกเมื่อ พ.ส. 2441 เวลานั้น ยังไม่ได้ทำรถไฟสายเหนือ ต้องไปทางเรือแต่กรุงเทพฯ จนถึงเมืองอุตรดิถ แล้วฉันขึ้นเดินทางบกไปเมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองนครลำปาง เมืองลำพูน เดินทางเกือบเดือนหนึ่งจึงถึงเมืองเชียงไหม่ ขากลับลงเรือล่องลำแม่น้ำพิงแต่เมืองเชียงไหม่ลงมาทางเมืองตาก เมืองกำแพงเพชร มาร่วมทางขาไปที่ปากน้ำโพเมืองนครสวรรค แต่นั้น ก็กลับตามทางเดิมจนถึงกรุงเทพฯ ฉันเคยได้ยินว่า ทางเมืองเหนือ ทั้งไนมนทลพิสนุโลกอันเคยเปนเมืองพระร่วง และมนทลพายัพอันเปนแหล่งช่างเชียงแสน มีพระพุทธรูปโบรานหย่างงาม ๆ มากกว่าทางอื่น คนหาพระพุทธรูปมักเที่ยวเสาะหาทางนั้น นับถือกันว่า ต่อเปนพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ์เพชรจึงจะดี ถ้าหาได้พระขัดสมาธิ์เพชรหย่างย่อม ขนาดหน้าตักไนระหว่าง 6 นิ้วจน 10 นิ้วด้วย ยิ่งดีขึ้น แต่ฉันขึ้นไปครั้งนั้น ตั้งไจจะไปเสาะหาพระพุทธรูปที่ลักสนะงามเปนสำคัน ไม่เลือกว่าจะต้องเปนพระนั่งขัดสมาธิ์เพชรหรือขัดสมาธิ์ราบ ปราถนาจะไคร่ได้พระขนาดเขื่อง หน้าตักราวสอกเสส เพราะเห็นว่า ขนาดนั้น ฝีมือช่างทำได้งามกว่าพระขนาดเล็กเช่นเขาหากัน เมื่อขึ้นไปถึงเมืองอุตรดิถ วันหนึ่ง ฉันไปเที่ยวที่เมืองทุ่งยั้ง แวะ<noinclude></noinclude> go7zq0u5mih55ssne51sdstvhdsx77f หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/2 250 45700 188380 143779 2022-07-31T04:36:02Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" /></noinclude>{{ก|แก้คำผิด|บ=font-size:140%}} {{สต|7em}} {| align=center style="text-align:center;" |- |หน้า |width=20em| |บันทัด |width=20em| |คำผิด |width=20em| |คำถูก |- |23 | |สุดท้าย | |รู | |รู้ |- |34 | |3 | |ก | |ก็ |- |43 | |17 | |ตรด | |ตรัด |- |49 | |15 | |เหน | |เห็น |- |92 | |สุดท้าย | |สมาธ | |สมาธิ |- |126 | |7 | |ผู | |ผู้ |- |128 | |2 | |Musuem | |Museum |- |162 | |11 | |สมเดด | |สมเด็ด |- |174 | |12 | |ผู | |ผู้ |- |207 | |17 | |พมพ์ | |พิมพ์ |- |233 | |8 | |5 น | |5 คน |- |233 | |10 | |จน | |จีน |- |237 | |10 | |ขน | |ขึ้น |- |264 | |สุดท้าย | |หทาน | |ทหาน |- |307 | |6 | |ขน | |ขึ้น |- |315 | |1 | |หนิง | |หนึ่ง |- |319 | |1 | |ประทบ | |ประทับ<noinclude>{{มปกต}} |}</noinclude> 11rs9zsx9pb517p0n4l12p9qlx7heex หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/3 250 45701 188381 143740 2022-07-31T04:36:41Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" />{{ก|(ข)}} {| align=center style="text-align:center;" |- |หน้า |width=20em| |บันทัด |width=20em| |คำผิด |width=20em| |คำถูก |-</noinclude>{{มปกต}} |- |326 | |สุดท้าย | |นก | |นึก |- |337 | |7 | |ขน | |ขึ้น |- |361 | |2 | |เมอ | |เมื่อ |- |369 | |9 | |บุด | |บุตร |- |374 | |5 | |Clacial piriod | |Glacial period |- |377 | |14 | |Civilisation | |Civilization |- |394 | |4 | |ไห้ | |ได้ |- |403 | |16 | |Lassoxing | |Lasso |- |416 | |7 | |ผู | |ผู้ |- |460 | |15 | |Lassoo | |Lasso |- |478 | |20 | |ของ | |สอง |- |}<noinclude></noinclude> pb6jnng536p3cos0d2g4743afme23ps 188382 188381 2022-07-31T04:37:43Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Bitterschoko" />{{ก|(ข)}} {| align=center style="text-align:center;" |- |หน้า |width=20em| |บันทัด |width=20em| |คำผิด |width=20em| |คำถูก |-</noinclude>{{มปกต}} |- |326 | |สุดท้าย | |นก | |นึก |- |337 | |7 | |ขน | |ขึ้น |- |361 | |2 | |เมอ | |เมื่อ |- |369 | |9 | |บุด | |บุตร |- |374 | |5 | |Clacial piriod | |Glacial period |- |377 | |14 | |Civilisation | |Civilization |- |394 | |4 | |ไห้ | |ได้ |- |403 | |16 | |Lassoxing | |Lassoitig |- |416 | |7 | |ผู | |ผู้ |- |460 | |15 | |Lassoo | |Lasso |- |478 | |20 | |ของ | |สอง |- |}<noinclude></noinclude> ip5kpmcwybh25fowpgh4vt9htdo2gyq นิทานโบรานคดี/สารบาน 0 45711 188370 143776 2022-07-31T04:30:27Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = สารบาน | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../คำนำ (2)/]] | ถัดไป = [[../นิทานที่ 1/]] | หมายเหตุ = }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="10" to="15"/> a888pyfk6nyhzn863zifldyq82cg843 นิทานโบรานคดี/คำนำ (2) 0 45712 188368 143777 2022-07-31T04:29:18Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = คำนำนิทานโบรานคดี | ผู้มีส่วนร่วม = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | ก่อนหน้า = [[../คำนำ (1)/]] | ถัดไป = [[../สารบาน/]] | หมายเหตุ = }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="8" to="9"/> f4rp3vmw5rjn379cqc2n5zkiqn7rov9 188369 188368 2022-07-31T04:29:33Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = คำนำ | ผู้มีส่วนร่วม = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | ก่อนหน้า = [[../คำนำ (1)/]] | ถัดไป = [[../สารบาน/]] | หมายเหตุ = }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="8" to="9"/> nhrfawea36n1vh9pvxs2gqrj4d245gf 188374 188369 2022-07-31T04:31:46Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบรานคดี/คำนำนิทานโบรานคดี]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/คำนำ (2)]] wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = คำนำ | ผู้มีส่วนร่วม = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | ก่อนหน้า = [[../คำนำ (1)/]] | ถัดไป = [[../สารบาน/]] | หมายเหตุ = }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="8" to="9"/> nhrfawea36n1vh9pvxs2gqrj4d245gf นิทานโบรานคดี/คำนำ (1) 0 45713 188366 143778 2022-07-31T04:27:46Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = คำนำ | ผู้มีส่วนร่วม = พระยาอนุมานราชธน (ยง เสถียรโกเสส) | ก่อนหน้า = [[../แก้คำผิด/]] | ถัดไป = [[../คำนำ (2)/]] | หมายเหตุ = }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="4" to="6"/> mh1q9ka214ai3awswncabdrpcoerw98 188372 188366 2022-07-31T04:31:38Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบรานคดี/คำนำของกรมสิลปากร]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/คำนำ (1)]] wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = คำนำ | ผู้มีส่วนร่วม = พระยาอนุมานราชธน (ยง เสถียรโกเสส) | ก่อนหน้า = [[../แก้คำผิด/]] | ถัดไป = [[../คำนำ (2)/]] | หมายเหตุ = }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="4" to="6"/> mh1q9ka214ai3awswncabdrpcoerw98 นิทานโบรานคดี/แก้คำผิด 0 45714 188367 143780 2022-07-31T04:28:42Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = [[../]] | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = แก้คำผิด | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = [[../|หน้าต้น]] | ถัดไป = [[../คำนำ (1)/]] | หมายเหตุ = }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" from="2" to="3"/> [[หมวดหมู่:แก้คำผิด]] pabicrc2st8utd7lokmm5n0tnit7td8 นิทานโบรานคดี 0 45715 188371 186040 2022-07-31T04:31:27Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{หัวเรื่อง | ชื่อ = {{PAGENAME}} | ปี = 2487 | ผู้สร้างสรรค์ = สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | บรรณาธิการ = | ผู้แปล = | ส่วน = | ผู้มีส่วนร่วม = | ก่อนหน้า = | ถัดไป = | หมายเหตุ = | สถานีย่อย = เรื่องปกิณกะ/ภาษาไทยสมัยจอมพล ป. }} {{pmbox | type = content | image = [[ไฟล์:Pergamena.png|40px]] | text = '''งานนี้ยังไม่เสร็จ สามารถดูและร่วมพัฒนาได้ที่ [[ดัชนี:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf]]''' }} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" include="1"/> {{คหน}} <pages index="นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf" include="7"/> ---- {{สบช| * [[/แก้คำผิด/]] * [[/คำนำ (1)|คำนำของกรมสิลปากร]] * [[/คำนำ (2)|คำนำนิทานโบรานคดี]] * [[/สารบาน/]] * เรื่อง *# [[/นิทานที่ 1|พระพุทธรูปประหลาด]] *# [[/นิทานที่ 2|พระครูวัดฉลอง]] *# [[/นิทานที่ 3|เสือไหย่เมืองชุมพร]] *# [[/นิทานที่ 4|ห้ามไม่ไห้เจ้าไปเมืองสุพรรน]] *# [[/นิทานที่ 5|ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย]] *# [[/นิทานที่ 6|ของแปลกที่เมืองพารานสี]] *# [[/นิทานที่ 7|สืบพระสาสนาไนอินเดีย]] *# [[/นิทานที่ 8|เจ้าพระยาอภัยราชา (โรลังยัคมินส)]] *# [[/นิทานที่ 9|หนังสือหอหลวง]] *# [[/นิทานที่ 10|ความไข้ที่เมืองเพชรบูรน์]] *# [[/นิทานที่ 11|โจรแปลกประหลาด]] *# [[/นิทานที่ 12|ตั้งโรงพยาบาล]] *# [[/นิทานที่ 13|อนามัย]] *# [[/นิทานที่ 14|โรงเรียนมหาดเล็กหลวง]] *# [[/นิทานที่ 15|อั้งยี่]] *# [[/นิทานที่ 16|ลานช้าง]] *# [[/นิทานที่ 17|แม่น้ำโขง]] *# [[/นิทานที่ 18|ค้นเมืองโบราน]] *# [[/นิทานที่ 19|เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์]] *# [[/นิทานที่ 20|จับช้าง (ภาคต้น)]] *# [[/นิทานที่ 21|จับช้าง (ภาคปลาย)]] }} ==บรรณานุกรม== * ดำรงราชานุภาพ, สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยา. (2487). ''นิทานโบรานคดี''. พระนคร: ม.ป.ท. (พนะท่าน จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัถมนตรี โปรดไห้พิมพ์เปนอนุสรในงานพระราชทานเพลิงพระสพสมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นะ เมรุวัดเทพสิรินทราวาส เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2487). {{ลมท}} [[หมวดหมู่:หนังสืองานศพ]] 5ds8cm1s5xsddvn7m8brcwwwibqbcqg สถานีย่อย:ศาสนาพุทธ 100 46009 188407 187751 2022-07-31T05:05:47Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | shortcut = | notes = | class = B | subclass1 = Q | reviewed = y }} [[File:003 Dhammacakka, Dwaravati (35252598815).jpg|thumb|ธรรมจักรและกวางหมอบ จากพุทธศตวรรษที่ 12 จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ]] ==คดีความ== * {{ลปง|ประชุมวินิจฉัยอธิกรณ์||2492}} {{ลฟใน|อธิกรณ์ (๑) ๒๔๙๒.pdf|อธิกรณ์ (๒) ๒๔๙๒.pdf|อธิกรณ์ (๓) ๒๔๙๒.pdf|อธิกรณ์ (๔) ๒๔๙๒.pdf}} ==นิกาย== * {{ลปงย|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ/เรื่อง 2|เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)|2480|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ||กุศโลบายแห่งการแผ่สาสนาของพวกลัทธิมหายาน}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 8|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||พระพุทธศาสนามหายานและหีนยาน}} * {{ลปงย|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ/เรื่อง 1|เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)|2480|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ||พุทธสาสนากับการเผยแผ่แผนใหม่}} ==ประวัติศาสตร์== * '''[[สถานีย่อย:จารึกและวิชาจารึก]]''' * {{ลปงย|ประชุมจดหมายเหตุ สมัยอยุธยา ภาค 1/การบำรุงศาสนา||2510|ประชุมจดหมายเหตุ สมัยอยุธยา ภาค 1||การบำรุงศาสนา}} * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 7/เรื่องที่ 3||2460|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 7||คำให้การขุนโขลน เรื่อง พระพุทธบาท|ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 7}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๗) - ๒๔๖๐.pdf}} * {{ลปงย|ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ/ภาคที่ 13||2464|ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ/ภาคที่ 13||คำให้การสมณะทูตพม่า ว่าด้วยประเพณีสงฆ์มณฑลในประเทศพม่า|ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ 13}} * {{ลปง|จดหมายเหตุเก่า เรื่องฯ ทูตไทยไปนมัสการพระมาลัยเจดีย์เมืองหงสา||2470|แสดง=จดหมายเหตุเก่า เรื่อง พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาแต่งทูตไทยไปนมัสการพระมาลัยเจดีย์เมืองหงสา}} * {{ลปง|ตำนานคณะสงฆ์|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2466}} {{ลฟใน|ตำนานคณะสงฆ์ - ดำรง - ๒๔๖๖.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระอารามหลวง|เจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (หม่อมราชวงศ์คลี่ สุทัศน์)|2473}} {{ลฟใน|อารามหลวง - คลี่ สุทัศน์ - ๒๔๗๓.pdf}} * {{ลปง|แบบจัดการศึกษาหัวเมือง รัตนโกสินทรศก 117|พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส|2441}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 2|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||พระครูวัดฉลอง}} * {{ลปง|ภาพเมืองไทย|สำนักนายกรัถมนตรี|2486}} * {{ลปง|เรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามในลังกาทวีป|พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2459}} {{ลฟใน|ประดิษฐานพระสงฆ์ - ดำรง - ๒๔๕๙.pdf}} ==ประติมากรรม== * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 14|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||การสร้างพระโต}} * {{ลปง|ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ (กรมพระดำรงราชานุภาพ)|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2468|แสดง=ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ}} {{ลฟใน|ตำนานพระพุทธรูปฯ - ดำรง - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ (ไม่ปรากฏผู้สร้างสรรค์)||2475|แสดง=ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ|เขียนทับผู้สร้างสรรค์=ไม่ปรากฏผู้สร้างสรรค์}} {{ลฟใน|ตำนานพระพุทธรูปฯ - ๒๔๗๕.pdf}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 24|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||พระนิรันตรายและพระนิโรคันตราย}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 20|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||พระพิมพ์ดินดิบดินเผา}} ==สถานที่== * {{ลปง|ตำนานพระธาตุดอยสุเทพ||2472}} {{ลฟใน|ตำนานพระธาตุสุเทพ_-_๒๔๗๒.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระบรมธาตุจอมทอง||2495}} {{ลฟใน|ตำนานพระธาตุจอมทอง_-_๒๔๙๕.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระบรมธาตุสุเทพ||2483}} {{ลฟใน|ตำนานพระธาตุสุเทพ_-_๒๔๘๓.pdf}} * {{ลปง|ตำหนักทองที่วัดไทร|สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2502}} * {{ลปง|ประชุมตำนานพระธาตุ|กรมศิลปากร|2513}} {{ลฟใน|ประชุมตำนานพระธาตุ_-_๒๕๑๓.pdf}} * {{ลปงย|กลอนเพลงยาว เรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์ และพระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ/ประวัติ|พระสุนทรกิจโกศล (บัว นิสโภ)|2507|กลอนเพลงยาว เรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์ และพระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ||ประวัติวัดเทพธิดาราม}} * {{ลปง|มูลเหตุแห่งการสร้างวัดในประเทศสยาม|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2471}} {{ลฟใน|มูลเหตุแห่งการสร้างวัดฯ - ดำรง - ๒๔๗๑.pdf}} * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 70/เรื่องสร้างวัดพระแก้วศรีเชียงใหม่||2484|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 70||เรื่องสร้างวัดพระแก้วศรีเชียงใหม่|ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 70}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร_(ภาค_๗๐)_-_๒๔๘๔.pdf}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 23|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||วัดสุวรรณดาราราม}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 10|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||สร้างวัดพระเชตุพน}} * {{ลปง|อธิบาย เรื่อง สำเภาวัดยานนาวา|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2471}} * {{ลปง|อุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม)||2483}} {{ลฟใน|อุรังคธาตุ_-_๒๔๘๓.pdf}} ==มนต์คาถา== * {{ลปง|คำนมัสการคุณานุคุณ|ปี=2468|เขียนทับผู้สร้างสรรค์={{ลผส|พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว}} และ{{ลผส|พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)}}}} {{ลฟใน|คำนมัสการคุณานุคุณ - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|คำสวดกุศลวิธี||2468}} {{ลฟใน|คำสวดกุศลวิธี - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|คำอาราธนาและถวายทานต่าง ๆ||2499}} * {{ลปง|ประชุมคำสวดนมัสการ||2471}} {{ลฟใน|ประชุมคำสวดนมัสการ - ๒๔๗๑.pdf}} * {{ลปง|ประชุมหนังสือเก่า||2459}} {{ลฟใน|ประชุมหนังสือเก่า (๑) - ๒๔๕๙.pdf|ประชุมหนังสือเก่า (๒) - ๒๔๕๙.pdf}} * {{ลปง|พระอาการวัตตาสูตร||2473}} * {{ลปง|พิธีและคาถาในการทำนา|ครูอ้วน|2508}} * {{ลปง|ระเบียบไหว้พระสวดมนต์||2473}} {{ลฟใน|ระเบียบไหว้พระสวดมนต์ - ๒๔๗๓.pdf}} * {{ลปง|สวดมนตแปล|พระอริยมุนี (แจ่ม จตฺตสลฺโล)|2456}} {{ลฟใน|สวดมนต์แปล - ๒๔๕๖.pdf}} * {{ลปง|อนุโมทนาพิธีแลคาถาพิธี||2468}} {{ลฟใน|อนุโมทนาวิธี - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|อนุสรณ์งานฌาปนกิจศพนางบุญเรือง บรรณปัญญา||2514}} {{ลฟใน|อนุสรณ์บุญเรือง บรรณปัญญา - ๒๕๑๔.pdf}} ==วรรณกรรม== * {{ลปง|ไตรภูมิพระร่วง|พระมหาธรรมราชาที่ 1|2455}} {{ลฟใน|ไตรภูมิ - ๒๔๕๕.pdf}} * {{ลปง|ทศชาติ ฉะบับชินวร|พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า|2481}} {{ลฟใน|ทศชาติ_-_ชินวร_(๑)_-_๒๔๘๑.pdf|ทศชาติ_-_ชินวร_(๒)_-_๒๔๘๑.pdf}} * {{ลปง|นิทานชาดก|สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์|ม.ป.ป.}} * {{ลปง|ปฐมสมโพธิกถา|พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส|2478}} {{ลฟใน|ปฐมสมโพธิ์ - ปรมานุชิต - ๒๔๗๘.pdf}} * {{ลปง|ปัญญาสชาดก|คณะสงฆ์เชียงใหม่}} * {{ลปง|พระปฐมสมโพธิแบบธรรมยุตต์|สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทโว)|2472}} {{ลฟใน|ปฐมสมโพธิ์ธรรมยุต - ๒๔๗๒.pdf}} * {{ลปง|พระอนาคตวงศ์||2514}} {{ลฟใน|อนาคตวงศ์ - ๒๕๑๔.pdf}} * {{ลปง|ลลิตวิสฺตร: ปฐมสมโพธิฝ่ายมหายาน|ราชบัณฑิตยสภา|2476}} {{ลฟใน|ปฐมสมโพธิ์มหายาน - ๒๔๗๖.pdf}} * {{ลปง|สังคีติยวงศ์|สมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน|2466}} {{ลฟใน|สังคีติยวงศ์ - พนรัตน์ - ๒๔๖๖ a.pdf}} * {{ลปง|องคุลิมาล|เขียนทับผู้สร้างสรรค์={{ลสย|ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย}}, ภาพโดย {{ลผส|เหม เวชกร}}|ปี=2505}} ==ดูเพิ่ม== * '''[[สถานีย่อย:กฎหมายคณะสงฆ์ไทย]]''' * '''[[สถานีย่อย:ประเพณีไทย]]''' * '''[[สถานีย่อย:ปริตร]]''' * '''[[สถานีย่อย:พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร]]''' [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยคตินิยม]] ksxnewguwrneh6isd5y2b603o5s204e 188408 188407 2022-07-31T05:07:02Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | shortcut = | notes = | class = B | subclass1 = Q | reviewed = y }} [[File:003 Dhammacakka, Dwaravati (35252598815).jpg|thumb|ธรรมจักรและกวางหมอบ จากพุทธศตวรรษที่ 12 จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ]] ==คดีความ== * {{ลปง|ประชุมวินิจฉัยอธิกรณ์||2492}} {{ลฟใน|อธิกรณ์ (๑) ๒๔๙๒.pdf|อธิกรณ์ (๒) ๒๔๙๒.pdf|อธิกรณ์ (๓) ๒๔๙๒.pdf|อธิกรณ์ (๔) ๒๔๙๒.pdf}} ==นิกาย== * {{ลปงย|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ/เรื่อง 2|เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)|2480|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ||กุศโลบายแห่งการแผ่สาสนาของพวกลัทธิมหายาน}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 8|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||พระพุทธศาสนามหายานและหีนยาน}} * {{ลปงย|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ/เรื่อง 1|เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)|2480|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ||พุทธสาสนากับการเผยแผ่แผนใหม่}} ==ประวัติศาสตร์== * '''[[สถานีย่อย:จารึกและวิชาจารึก]]''' * {{ลปงย|ประชุมจดหมายเหตุ สมัยอยุธยา ภาค 1/การบำรุงศาสนา||2510|ประชุมจดหมายเหตุ สมัยอยุธยา ภาค 1||การบำรุงศาสนา}} * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 7/เรื่องที่ 3||2460|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 7||คำให้การขุนโขลน เรื่อง พระพุทธบาท|ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 7}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๗) - ๒๔๖๐.pdf}} * {{ลปงย|ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ/ภาคที่ 13||2464|ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ/ภาคที่ 13||คำให้การสมณะทูตพม่า ว่าด้วยประเพณีสงฆ์มณฑลในประเทศพม่า|ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ 13}} * {{ลปง|จดหมายเหตุเก่า เรื่องฯ ทูตไทยไปนมัสการพระมาลัยเจดีย์เมืองหงสา||2470|แสดง=จดหมายเหตุเก่า เรื่อง พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาแต่งทูตไทยไปนมัสการพระมาลัยเจดีย์เมืองหงสา}} * {{ลปง|ตำนานคณะสงฆ์|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2466}} {{ลฟใน|ตำนานคณะสงฆ์ - ดำรง - ๒๔๖๖.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระอารามหลวง|เจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (หม่อมราชวงศ์คลี่ สุทัศน์)|2473}} {{ลฟใน|อารามหลวง - คลี่ สุทัศน์ - ๒๔๗๓.pdf}} * {{ลปง|แบบจัดการศึกษาหัวเมือง รัตนโกสินทรศก 117|พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส|2441}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 2|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||พระครูวัดฉลอง}} * {{ลปง|ภาพเมืองไทย|สำนักนายกรัถมนตรี|2486}} * {{ลปง|เรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามในลังกาทวีป|พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2459}} {{ลฟใน|ประดิษฐานพระสงฆ์ - ดำรง - ๒๔๕๙.pdf}} ==ประติมากรรม== * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 14|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||การสร้างพระโต}} * {{ลปง|ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ (กรมพระดำรงราชานุภาพ)|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2468|แสดง=ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ}} {{ลฟใน|ตำนานพระพุทธรูปฯ - ดำรง - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ (ไม่ปรากฏผู้สร้างสรรค์)||2475|แสดง=ตำนานพระพุทธรูปสำคัญ|เขียนทับผู้สร้างสรรค์=ไม่ปรากฏผู้สร้างสรรค์}} {{ลฟใน|ตำนานพระพุทธรูปฯ - ๒๔๗๕.pdf}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 24|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||พระนิรันตรายและพระนิโรคันตราย}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 20|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||พระพิมพ์ดินดิบดินเผา}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 1|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||พระพุทธรูปประหลาด}} ==สถานที่== * {{ลปง|ตำนานพระธาตุดอยสุเทพ||2472}} {{ลฟใน|ตำนานพระธาตุสุเทพ_-_๒๔๗๒.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระบรมธาตุจอมทอง||2495}} {{ลฟใน|ตำนานพระธาตุจอมทอง_-_๒๔๙๕.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพระบรมธาตุสุเทพ||2483}} {{ลฟใน|ตำนานพระธาตุสุเทพ_-_๒๔๘๓.pdf}} * {{ลปง|ตำหนักทองที่วัดไทร|สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2502}} * {{ลปง|ประชุมตำนานพระธาตุ|กรมศิลปากร|2513}} {{ลฟใน|ประชุมตำนานพระธาตุ_-_๒๕๑๓.pdf}} * {{ลปงย|กลอนเพลงยาว เรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์ และพระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ/ประวัติ|พระสุนทรกิจโกศล (บัว นิสโภ)|2507|กลอนเพลงยาว เรื่อง หม่อมเป็ดสวรรค์ และพระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ||ประวัติวัดเทพธิดาราม}} * {{ลปง|มูลเหตุแห่งการสร้างวัดในประเทศสยาม|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2471}} {{ลฟใน|มูลเหตุแห่งการสร้างวัดฯ - ดำรง - ๒๔๗๑.pdf}} * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 70/เรื่องสร้างวัดพระแก้วศรีเชียงใหม่||2484|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 70||เรื่องสร้างวัดพระแก้วศรีเชียงใหม่|ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 70}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร_(ภาค_๗๐)_-_๒๔๘๔.pdf}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 23|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||วัดสุวรรณดาราราม}} * {{ลปงย|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล/เรื่อง 10|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|2493|บันทึกรับสั่งฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานหม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล||สร้างวัดพระเชตุพน}} * {{ลปง|อธิบาย เรื่อง สำเภาวัดยานนาวา|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2471}} * {{ลปง|อุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม)||2483}} {{ลฟใน|อุรังคธาตุ_-_๒๔๘๓.pdf}} ==มนต์คาถา== * {{ลปง|คำนมัสการคุณานุคุณ|ปี=2468|เขียนทับผู้สร้างสรรค์={{ลผส|พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว}} และ{{ลผส|พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)}}}} {{ลฟใน|คำนมัสการคุณานุคุณ - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|คำสวดกุศลวิธี||2468}} {{ลฟใน|คำสวดกุศลวิธี - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|คำอาราธนาและถวายทานต่าง ๆ||2499}} * {{ลปง|ประชุมคำสวดนมัสการ||2471}} {{ลฟใน|ประชุมคำสวดนมัสการ - ๒๔๗๑.pdf}} * {{ลปง|ประชุมหนังสือเก่า||2459}} {{ลฟใน|ประชุมหนังสือเก่า (๑) - ๒๔๕๙.pdf|ประชุมหนังสือเก่า (๒) - ๒๔๕๙.pdf}} * {{ลปง|พระอาการวัตตาสูตร||2473}} * {{ลปง|พิธีและคาถาในการทำนา|ครูอ้วน|2508}} * {{ลปง|ระเบียบไหว้พระสวดมนต์||2473}} {{ลฟใน|ระเบียบไหว้พระสวดมนต์ - ๒๔๗๓.pdf}} * {{ลปง|สวดมนตแปล|พระอริยมุนี (แจ่ม จตฺตสลฺโล)|2456}} {{ลฟใน|สวดมนต์แปล - ๒๔๕๖.pdf}} * {{ลปง|อนุโมทนาพิธีแลคาถาพิธี||2468}} {{ลฟใน|อนุโมทนาวิธี - ๒๔๖๘.pdf}} * {{ลปง|อนุสรณ์งานฌาปนกิจศพนางบุญเรือง บรรณปัญญา||2514}} {{ลฟใน|อนุสรณ์บุญเรือง บรรณปัญญา - ๒๕๑๔.pdf}} ==วรรณกรรม== * {{ลปง|ไตรภูมิพระร่วง|พระมหาธรรมราชาที่ 1|2455}} {{ลฟใน|ไตรภูมิ - ๒๔๕๕.pdf}} * {{ลปง|ทศชาติ ฉะบับชินวร|พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า|2481}} {{ลฟใน|ทศชาติ_-_ชินวร_(๑)_-_๒๔๘๑.pdf|ทศชาติ_-_ชินวร_(๒)_-_๒๔๘๑.pdf}} * {{ลปง|นิทานชาดก|สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์|ม.ป.ป.}} * {{ลปง|ปฐมสมโพธิกถา|พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส|2478}} {{ลฟใน|ปฐมสมโพธิ์ - ปรมานุชิต - ๒๔๗๘.pdf}} * {{ลปง|ปัญญาสชาดก|คณะสงฆ์เชียงใหม่}} * {{ลปง|พระปฐมสมโพธิแบบธรรมยุตต์|สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทโว)|2472}} {{ลฟใน|ปฐมสมโพธิ์ธรรมยุต - ๒๔๗๒.pdf}} * {{ลปง|พระอนาคตวงศ์||2514}} {{ลฟใน|อนาคตวงศ์ - ๒๕๑๔.pdf}} * {{ลปง|ลลิตวิสฺตร: ปฐมสมโพธิฝ่ายมหายาน|ราชบัณฑิตยสภา|2476}} {{ลฟใน|ปฐมสมโพธิ์มหายาน - ๒๔๗๖.pdf}} * {{ลปง|สังคีติยวงศ์|สมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน|2466}} {{ลฟใน|สังคีติยวงศ์ - พนรัตน์ - ๒๔๖๖ a.pdf}} * {{ลปง|องคุลิมาล|เขียนทับผู้สร้างสรรค์={{ลสย|ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย}}, ภาพโดย {{ลผส|เหม เวชกร}}|ปี=2505}} ==ดูเพิ่ม== * '''[[สถานีย่อย:กฎหมายคณะสงฆ์ไทย]]''' * '''[[สถานีย่อย:ประเพณีไทย]]''' * '''[[สถานีย่อย:ปริตร]]''' * '''[[สถานีย่อย:พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร]]''' [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยคตินิยม]] jfi1wpm2sdlfo4mqo4ydqzncu1f02ef สถานีย่อย:ประเทศไทย/ภาคใต้ 100 49473 188405 184776 2022-07-31T05:04:07Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal subpage | title = ภาคใต้ | wikidata = Q1069853 }} [[File:Thailand South.png|thumb|ภาคใต้ของประเทศไทย]] ==ชุมพร== * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 3|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||เสือไหย่เมืองชุมพร}} ==นครศรีธรรมราช== * {{ลปง|จดหมายบอกข่าวถึงเจ้าพระยานครฯ|นายศัลวิชัย (น้อยใหญ่)|2473}} * {{ลปง|ตำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช|เขียนทับผู้สร้างสรรค์=ไม่ปรากฏ|ปี=2503}} {{ลฟใน|ตำนานธาตุเมืองนคร - ๒๕๐๓.pdf}} * {{ลปง|ตำนานพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราช|เขียนทับผู้สร้างสรรค์=ไม่ปรากฏ|ปี=2473}} {{ลฟใน|ตำนานพราหมณ์เมืองนคร_-_๒๔๗๓.pdf}} * {{ลปง|ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช|เขียนทับผู้สร้างสรรค์=ไม่ปรากฏ|ปี=2481}} * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 73/เรื่องที่ 1||2496|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 73||ทำเนียบข้าราชการนครศรีธรรมราชสมัยรัชกาลที่ 2|ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 73}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๗๓) - ๒๔๙๖.pdf}} * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 73/เรื่องที่ 2||2496|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 73||ประวัติบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนครศรีธรรมราช|ประชุมพงษาวดาร ภาคที่ 73}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๗๓) - ๒๔๙๖.pdf}} * {{ลปง|พงศาวดารเมืองนครศรีธรรมราช|หลวงอนุสรณ์สิทธิกรรม (บัว ณ นคร)}} * {{ลปง|เรื่องตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช|เขียนทับผู้สร้างสรรค์=ไม่ปรากฏ|ปี=2457}} ==ปัตตานี== * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 3/เรื่องที่ 1|พระยาสุนทรานุรักษ์ (ชม)|2471|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 3||พงศาวดารเมืองปัตตานี|ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 3}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๓) - ๒๔๗๑.pdf}} * {{ลปง|พระโอวาทฯ ประทานที่โรงเรียนเมืองปัตตานีฯ พุทธศักราช 2472|สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2473|แสดง=พระโอวาทฯ ประทานที่โรงเรียนเมืองปัตตานีเมื่อวันที่ 1 กันยายน พุทธศักราช 2472}} {{ลฟใน|โอวาทปัตตานี - ดำรง - ๒๔๗๓.pdf}} ==พัทลุง== * {{ลปง|พงศาวดารเมืองพัทลุง (หมื่นสนิทภิรมย์)|หมื่นสนิทภิรมย์ (นิ่ม)|2393|แสดง=พงศาวดารเมืองพัทลุง}} * {{ลปง|พงศาวดารเมืองพัทลุง (หลวงศรีวรวัตรและขุนสิกขกิจบริหาร)|เขียนทับผู้สร้างสรรค์={{ลผส|หลวงศรีวรวัตร (พิณ จันทโรจวงศ์)}} และ {{ลผส|ขุนสิกขกิจบริหาร (อยู่ มีนะกนิษฐ)}}|ปี=ม.ป.ป.}} ==ภูเก็ต== * {{ลปง|พงศาวดารเมืองถลาง|เขียนทับผู้สร้างสรรค์=ไม่ปรากฏ|ปี=2457}} ==ระนอง== * {{ลปงย|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 50||2474|ประชุมพงศาวดาร/ภาคที่ 50||ตำนานเมืองระนอง|ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 50}} {{ลฟใน|ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๕๐) - ๒๔๗๔.pdf}} ==สงขลา== * {{ลปง|พงศาวดารเมืองสงขลา (พระยาสุนทรานุรักษ์)|พระยาสุนทรานุรักษ์ (ชม)|2471}} * {{ลปง|พงศาวดารเมืองสงขลา (พระยาวิเชียรคีรี)|พระยาวิเชียรคีรี (บุญสัง)|2473|แสดง=พงศาวดารเมืองสงขลา}} ==อื่น ๆ== * {{ลปง|ภาพเมืองไทย|สำนักนายกรัถมนตรี|2486}} ==ดูเพิ่ม== * '''[[สถานีย่อย:ประเทศมาเลเซีย]]''' * '''[[สถานีย่อย:ประเทศอินโดนีเซีย]]''' [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศไทย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] cdoa0d2d8um99cpp4o0hcdm8nzaetuw สถานีย่อย:ชื่อประเทศไทย 100 52846 188411 171846 2022-07-31T09:32:33Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | parent = ประเทศไทย | class = i | subclass1 = n }} [[File:Thai Sathapana Kasat Khamen (p. 158).jpg|thumb|แผนที่แสดงดินแดนของ "ไทย" ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีเผยแพร่ใน พ.ศ. 2505]] ==กฎหมาย== ===การเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย=== * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยมฯ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482|ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482]] ว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 3 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2482]] เรื่อง การเรียกชื่อชาวไทย * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 9/2482]] วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๘-๒๖).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17/2482]] วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๙-๒๘).pdf}} * [[รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ พุทธศักราช 2482]] (ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2482) * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 6 ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2482]] เรื่อง ทำนองและเนื้อร้องเพลงชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 8 ลงวันที่ 26 เมษายน 2483]] เรื่อง เพลงสรรเสริญพระบารมี * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 7 กันยายน 2488]] * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2492]] ===การเสนอเปลี่ยนชื่อประเทศกลับเป็นสยาม=== * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4/2491]] วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2491 ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๔๙๑-๐๗-๑๙).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3]] วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๖-๒๒).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4]] วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๗-๐๖).pdf}} ==งานเขียน== * {{ลปง|ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ|จิตร ภูมิศักดิ์|2524}} {{ลฟใน|คปม ของคำสยาม - จิตร ภูมิศักดิ์ - ๒๕๒๔.pdf}} * {{ลปงย|สมุนชาตินิพนธ์/เรื่อง 1|หม่อมราชวงศ์สมุนชาติ สวัสดิกุล|2507|สมุนชาตินิพนธ์||เรื่อง 'สยาม' หมายความว่ากระไร?}} {{ลฟใน|นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf}} * {{ลปงย|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2469|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม||อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม}} {{ลฟใน|อธิบายเบ็ดเตล็ดฯ พงศาวดารฯ - ดำรง - ๒๔๖๙.pdf}} * {{ลปงปย|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม/บทที่ 1|เออร์เนสต์ ยัง|2451|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม|en|สอดส่องเข้าไปในประวัติศาสตร์สยาม}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศไทย]] tsg0hou0wny6uzozqstgsgqt430n9ay 188412 188411 2022-07-31T09:32:49Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | parent = ประเทศไทย | class = i | subclass1 = n }} [[File:Thai Sathapana Kasat Khamen (p. 158).jpg|thumb|แผนที่แสดงดินแดนของ "ไทย" ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีเผยแพร่ใน พ.ศ. 2505]] ==กฎหมาย== ===การเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย=== * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยมฯ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482|ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482]] ว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 3 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2482]] เรื่อง การเรียกชื่อชาวไทย * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 9/2482]] วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๘-๒๖).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17/2482]] วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๙-๒๘).pdf}} * [[รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ พุทธศักราช 2482]] (ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2482) * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 6 ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2482]] เรื่อง ทำนองและเนื้อร้องเพลงชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 8 ลงวันที่ 26 เมษายน 2483]] เรื่อง เพลงสรรเสริญพระบารมี * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 7 กันยายน 2488]] * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2492]] ===การเสนอเปลี่ยนชื่อประเทศกลับเป็นสยาม=== * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4/2491]] วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2491 ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๔๙๑-๐๗-๑๙).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3]] วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๖-๒๒).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4]] วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๗-๐๖).pdf}} ==งานเขียน== * {{ลปง|ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ|จิตร ภูมิศักดิ์|2524}} {{ลฟใน|คปม ของคำสยาม - จิตร ภูมิศักดิ์ - ๒๕๒๔.pdf}} * {{ลปงย|สมุนชาตินิพนธ์/เรื่อง 1|หม่อมราชวงศ์สมุนชาติ สวัสดิกุล|2507|สมุนชาตินิพนธ์||เรื่อง 'สยาม' หมายความว่ากระไร?}} {{ลฟใน|นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf}} * {{ลปงปย|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม/บทที่ 1|เออร์เนสต์ ยัง|2451|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม|en|สอดส่องเข้าไปในประวัติศาสตร์สยาม}} * {{ลปงย|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2469|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม||อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม}} {{ลฟใน|อธิบายเบ็ดเตล็ดฯ พงศาวดารฯ - ดำรง - ๒๔๖๙.pdf}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศไทย]] 8f5q4urkel3x6ma9xg6k4oo437ofv7n 188413 188412 2022-07-31T09:34:40Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | parent = ประเทศไทย | class = i | subclass1 = n }} [[File:Thai Sathapana Kasat Khamen (p. 158).jpg|thumb|แผนที่แสดงดินแดนของ "ไทย" ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีเผยแพร่ใน พ.ศ. 2505]] ==กฎหมาย== ===การเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย=== * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยมฯ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482|ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482]] ว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 3 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2482]] เรื่อง การเรียกชื่อชาวไทย * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 9/2482]] วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๘-๒๖).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17/2482]] วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๙-๒๘).pdf}} * [[รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ พุทธศักราช 2482]] (ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2482) * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 6 ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2482]] เรื่อง ทำนองและเนื้อร้องเพลงชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 8 ลงวันที่ 26 เมษายน 2483]] เรื่อง เพลงสรรเสริญพระบารมี * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 7 กันยายน 2488]] * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2492]] ===การเสนอเปลี่ยนชื่อประเทศกลับเป็นสยาม=== * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4/2491]] วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2491 ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๔๙๑-๐๗-๑๙).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3]] วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๖-๒๒).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4]] วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๗-๐๖).pdf}} ==งานเขียน== * {{ลปง|ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ|จิตร ภูมิศักดิ์|2524}} {{ลฟใน|คปม ของคำสยาม - จิตร ภูมิศักดิ์ - ๒๕๒๔.pdf}} * {{ลปงย|สมุนชาตินิพนธ์/เรื่อง 1|หม่อมราชวงศ์สมุนชาติ สวัสดิกุล|2507|สมุนชาตินิพนธ์||เรื่อง 'สยาม' หมายความว่ากระไร?}} {{ลฟใน|นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf}} * {{ลปงปย|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม/บทที่ 1|เออร์เนสต์ ยัง|2451|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม|en|สอดส่องเข้าไปในประวัติศาสตร์สยาม}} * {{ลปงย|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2469|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม||อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศไทย]] 08rcesih2nu80mlvjisdqm84eqrbn8g 188419 188413 2022-07-31T09:39:14Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | parent = ประเทศไทย | class = i | subclass1 = n }} [[File:Thai Sathapana Kasat Khamen (p. 158).jpg|thumb|แผนที่แสดงดินแดนของ "ไทย" ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีเผยแพร่ใน พ.ศ. 2505]] ==กฎหมาย== ===การเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย=== * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยมฯ ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482|ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2482]] ว่าด้วยรัฐนิยมใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 3 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2482]] เรื่อง การเรียกชื่อชาวไทย * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 9/2482]] วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๘-๒๖).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17/2482]] วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2482 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ) {{ลฟใน|รายงานการประชุม สผ (๒๔๘๒-๐๙-๒๘).pdf}} * [[รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ว่าด้วยนามประเทศ พุทธศักราช 2482]] (ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2482) * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 6 ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2482]] เรื่อง ทำนองและเนื้อร้องเพลงชาติ * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยรัฐนิยม ฉะบับที่ 8 ลงวันที่ 26 เมษายน 2483]] เรื่อง เพลงสรรเสริญพระบารมี * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 7 กันยายน 2488]] * [[ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การใช้ชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติ ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2492]] ===การเสนอเปลี่ยนชื่อประเทศกลับเป็นสยาม=== * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4/2491]] วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม 2491 ณ พระที่นั่งอภิเศกดุสิต {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๔๙๑-๐๗-๑๙).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 3]] วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๖-๒๒).pdf}} * [[รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4 (2504)|รายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 4]] วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม 2504 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม {{ลฟใน|รายงานการประชุม สร (๒๕๐๔-๐๗-๐๖).pdf}} ==งานเขียน== * {{ลปง|ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ|จิตร ภูมิศักดิ์|2524}} {{ลฟใน|คปม ของคำสยาม - จิตร ภูมิศักดิ์ - ๒๕๒๔.pdf}} * {{ลปงย|สมุนชาตินิพนธ์/เรื่อง 1|หม่อมราชวงศ์สมุนชาติ สวัสดิกุล|2507|สมุนชาตินิพนธ์||เรื่อง 'สยาม' หมายความว่ากระไร?}} {{ลฟใน|นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf}} * {{ลปงปย|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม/บทที่ 1|เออร์เนสต์ ยัง|2451|สอดส่องหลายท้องถิ่น: สยาม|en|สอดส่องเข้าไปในประวัติศาสตร์สยาม}} * {{ลปงย|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม (2469)/ตอน 1|พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ|2469|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม (2469)||อธิบาย เรื่อง นามประเทศสยาม|อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศไทย]] 9b1ujkuscs2ma1cbz7sz59gxuw5mr7m ผู้สร้างสรรค์:ก.ศ.ร. กุหลาบ 102 54169 188400 170406 2022-07-31T04:52:01Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{ผู้สร้างสรรค์ | ชื่อต้น = ก.ศ.ร. | ชื่อท้าย = กุหลาบ | ชื่อย่อ = ก | เรียงชื่อ = no | defaultsort = {{PAGENAME}} | ศักราช = พ.ศ. | ปีเกิด = 2377 | ปีตาย = 2464 | รูป = | บรรยายรูป = | ตั้งตรง = | อธิบาย = นักหนังสือพิมพ์ชาวสยาม }} ==งาน== * {{ลปง|ประวัติสมเด็จพระสังฆราช (สา) วัดราชประดิษฐ์ฯ||2443|แสดง=ประวัติสมเด็จพระสังฆราช (สา) วัดราชประดิษฐ์สถิตย์มหาสิมาราม กรุงเทพมหานคร}} {{ลฟใน|ประวัติสา - กุหลาบ - ๒๔๔๓.pdf}} ==งานที่เกี่ยวข้อง== * {{ลปง|จดหมายเหตุ เรื่อง ไต่สวนนายกุหลาบฯ|ราชบัณฑิตยสภา|2472|แสดง=จดหมายเหตุ เรื่อง ไต่สวนนายกุหลาบซึ่งแต่งประวัติสมเด็จพระสังฆราชขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย}} {{ลฟใน|จมห ไต่สวนนายกุหลาบฯ - ๒๔๗๒.pdf}} * {{ลปง|ประกาศ เรื่อง ประวัติสมเด็จพระสังฆราชที่นายกุหลาบเรียบเรียงฯ ลงวันที่ 10 พฤษภาคม ร.ศ. 120|พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว|2444|แสดง=ประกาศ เรื่อง ประวัติสมเด็จพระสังฆราชที่นายกุหลาบเรียบเรียงลงพิมพ์นำขึ้นทูลเกล้าถวาย ลงวันที่ 10 พฤษภาคม ร.ศ. 120}} {{ลฟนอก|http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2444/006/1.PDF|http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2444/006/2.PDF}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||หนังสือหอหลวง}} {{ลมท}} {{การควบคุมรายการหลักฐาน}} [[หมวดหมู่:ผู้สร้างสรรค์ที่เป็นชาวไทย]] [[หมวดหมู่:นักวารสารศาสตร์]] bfnbv6xispmum7kpb97kgukv537bi1a หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/23 250 55424 188313 176525 2022-07-30T12:02:02Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Praesideo" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 2|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง พระครูวัดฉลอง|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} เมืองภูเก็ต เดิมขึ้นอยู่ไนกะซวงกลาโหม จนเมื่อฉันเปนเสนาบดีกะซวงมหาดไทยแล้ว จึงได้โอนมาขึ้นกะซวงมหาดไทย ฉันลงไปตรวดราชการหัวเมืองมนทลภูเก็ตครั้งแรกเมื่อ พ.ส. 2441 เวลาฉันพักอยู่ที่เมืองภูเก็ต พระครูวิสุทธิวงสาจารย เปนที่สังคปาโมขเมืองภูเก็ตหยู่ นะ วัดฉลอง มาหา พอฉันแลเห็นก็เกิดพิสวง ด้วยที่หน้าแข้งของท่านมีรอยปิดทองคำเปลวแผ่นเล็ก ๆ ระกะไป ราวกับพระพุทธรูปหรือเทวรูปโบรานที่คนบนบาน เมื่อพูดจาปราสัยดูก็เปนผู้มีกิริยาอัชชาสัยเรียบร้อยหย่างผู้หลักผู้ไหย่ เวลานั้น ดูเหมือนจะมีอายุได้สัก 60 ปี ฉันถามว่า เหตุไฉนจึงปิดทองที่หน้าแข้ง ท่านตอบว่า "เมื่ออาตมภาพเข้ามาถึงไนเมือง พวกชาวตลาดเขาขอปิด" ฉันได้ฟังหย่างนั้นก็เกิดอยากรู้ว่า เหตุไฉนคนจึงปิดทองท่านพระครูวัดฉลอง จึงสืบถามเรื่องประวัติของท่าน ได้ความตามที่ตัวท่านเองเล่าไห้ฟังบ้าง ข้าราชการเมืองภูเก็ตที่เขารู้เห็นเล่าไห้ฟังบ้าง เปนเรื่องประหลาด ดังจะเล่าต่อไปนี้ ท่านพระครูองค์นี้ชื่อ แช่ม เปนชาวบ้านวัดฉลอง หยู่ห่างเมืองภูเก็ตสักสามสี่ร้อยเส้น เดิมเปนลูกสิสพระหยู่ไนวัดฉลองมาตั้งแต่ยังเด็ก ครั้นเติบไหย่บวดเปนสามเนรเล่าเรียนหยู่ไนวัดนั้น จนอายุครบอุปสมบทก็บวดเปนพระภิกสุเรียนวิปัสนาธุระและคาถาอาคมต่าง ๆ ต่อมา{{วว}}<noinclude></noinclude> dkcnvregpubo01ek2u0ymr5ems8abll หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/44 250 55433 188315 179608 2022-07-30T12:02:15Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Praesideo" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 4|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง ห้ามไม่ไห้เจ้าไปเมืองสุพรรน|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} มีคติโบรานถือกันมาแต่ก่อนว่า ห้ามมิไห้เจ้านายสเด็ดไปเมืองสุพรรนบุรี จะห้ามมาแต่เมื่อได ห้ามเพราะเหตุได ถ้าเจ้านายขืนสเด็ดไปจะเปนหย่างไร สืบสวนก็ไม่ได้ความเปนหลักถาน เปนแต่อ้างกันต่าง ๆ ว่า เพราะเทพารักส์หลักเมืองสุพรรนไม่ชอบเจ้า เกรงจะทำอันตรายบ้าง ว่า มีอะไรเปนอัปมงคลหยู่ที่เมืองสุพรรน เคยทำไห้เจ้านายที่สเด็ดไปเสียพระจริตบ้าง แต่เมื่อมีคติโบรานห้ามหยู่หย่างนั้น เจ้านายก็ไม่สเด็ดไปเมืองสุพรรน เพราะไม่อยากฝ่าฝืนคติโบราน หรือไม่กล้าทูนลาด้วยเกรงพระเจ้าหยู่หัวจะไม่พระราชทานอนุญาตไห้ไป หย่างไรก็ตาม ไม่ปรากตว่า เจ้านายพระองค์ไหนได้เคยสเด็ดไปเมืองสุพรรน จนมาตกเปนหน้าที่ของฉันที่จะเปนผู้เพิกถอนคตินั้น ดูก็ประหลาดหยู่ เมื่อ พ.ส. 2435 พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวทรงพระกรุนาโปรดไห้ฉันเปนเสนาบดีกะซวงมหาดไทย ไนปีนี้ ฉันออกไปตรวจหัวเมืองต่าง ๆ ทางฝ่ายเหนือตั้งแต่กรุงสรีอยุธยาขึ้นไปถึงเมืองพิสนุโลก สวรรคโลก สุโขทัย เมืองตาก แล้วกลับมาทางเมืองกำแพงเพชร มาประจบทางขาขึ้นที่เมืองนครสวรรค แล้วล่องลงมาถึงเมืองอ่างทอง หยุดพักหยู่ 2 วัน สั่งเจ้าเมืองกรมการไห้หาม้าพาหนะ<noinclude></noinclude> tn3rxlfutj1ew2tv0705x7ojwnkcdva หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/57 250 55446 188309 188297 2022-07-30T11:59:31Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>{{ลห|ร0|{{ขนอ|140%|นิทานที่ 5}}<br>{{ขนอ|120%|เรื่อง ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย}}}} {{สต|7em}} เมื่อ พ.ส. 2434 พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวซงพระกรุนาโปรดไห้ฉันเปนผู้แทนพระองค์ไปเยี่ยมตอบแกรนด์ดุ๊กซาเรวิตช รัชทายาทประเทสรุสเซีย (ต่อมาได้เสวยราชย์เปนพระเจ้านิโคลัสที่ 2) ซึ่งได้เข้ามาเฝ้าถึงกรุงเทพฯ เมื่อต้นสกนั้น และโปรดไห้ไปยังราชสำนักอื่น ๆ ไนยุโรปเพื่อถวายเครื่องราชอิสริยาภรน์แก่พระเจ้าแผ่นดินบ้าง เพื่อจเรินทางพระราชไมตรีบ้าง อีกหลายประเทส คือ ประเทสอังกริด ฝรั่งเสส เดนมาร์ค เยอรมนี รุสเซีย เตอรกี ครีส และอิตาลี รวมเปน 8 แห่งด้วยกัน ไนสมัยนั้น ตัวฉันรับราชการเปนตำแหน่งอธิบดีกะซวงธัมการซึ่งจะโปรดไห้สถาปนาเปนกะซวงเสนาบดี เมื่อฉันไปยุโปรด จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตไปว่า ขากลับจะอ้อมมาทางประเทสอเมริกาและยี่ปุ่น หรือจะกลับผ่านมาทางประเทสอียิปต์และอินเดีย เพื่อตรวดตราหาความรู้เอามาไช้ไห้เปนประโยชน์แก่ราชการบ้านเมืองก็ได้ เมื่อฉันไปถึงลอนดอน จึงปรึกสาพวกที่เขาชำนาญการเที่ยวเตร่ว่า จะกลับทางไหนดี เขาว่า ฉันยังจะต้องไปตามประเทสต่าง ๆ ไนยุโรปอีกหลายแห่ง กว่าจะเส็ดธุระจะตกถึงปลายเดือนธันวาคม ไปอเมริกาไนเวลานั้นเปนรึดูหนาว ที่ไนอเมริกาหนาวจัดนัก เกรงฉันจะทนไม่ไหว กลับทางอียิปต์และอินเดียดีกว่า เพราะ<noinclude></noinclude> 4emklpsvpi3uchhp5mqb67pohzr9hjr หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/62 250 55451 188310 188308 2022-07-30T11:59:50Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|47}}</noinclude>เปนที่สุดเขตประเทสอินเดียเพียงนั้น ฉันเที่ยวหยู่ไนอินเดียเดือนครึ่ง ตอนออกจากเมืองร่างกุ้ง ลงเรือ "เสดถี" ของห้างโกหงวน (สกุล นะระนอง) จัดไปรับกลับมาขึ้นที่เมืองระนอง เดินทางบกข้ามกิ่วกระมาลงเรือหลวงซึ่งออกไปนะเมืองชุมพร กลับมากรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ส. 2434 การที่รัถบาลอินเดียต้อนรับหย่างเปนแขกเมืองครั้งนั้นเปนเหตุไห้ฉันได้เห็นอะไรแปลก ๆ ไนอินเดียผิดกับคนท่องเที่ยวสามัญหลายหย่าง โดยฉเพาะตามเมืองที่เปนประเทสราช ด้วยเจ้าผู้ครองมักไห้มีการต่าง ๆ อันนับว่าเปนของควนอวดไนเมืองนั้นไห้ฉันดู หรือว่าหย่างเข้าไจง่าย ๆ ก็ทำนองเดียวกับไทยเรารับเจ้าต่างประเทสนั้นเอง แต่จะเขียนเล่าทุกหย่างไปยืดยาวนัก จะพรรนนาว่าแต่ด้วยเห็นของแปลกซึ่งพ้องกับของที่มีไนเมืองไทยเราโดยได้แบบแผนมาจากอินเดียแต่ดึกดำบรรพอันเปนคติไนทางโบรานคดี {{ลห|ร1|ชนช้าง|120}} ที่เมืองชัยบุระ Jaipure มหาราชาไห้มีการชนช้างไห้ฉันดูที่ไนวัง ราชวังของมหาราชาชัยบุระนั้นไหย่โตมาก มีประตูทางเข้าหลายทาง มนเทียรที่ประทับ ที่ทำพิธี และที่ประพาส ตลอดจนโรงช้างต้นม้าต้น และสนามที่ฝึกหัดช้างม้า หยู่ไนบริเวนราชวังทั้งนั้น วันแรก ฉันไปเฝ้ามหาราชา เข้าทางประตูหนึ่งไปยังที่ท้องพระโรง มหาราชาตรัดภาสา<noinclude></noinclude> eao4l2u08hou8bhfmrgtvczp3699oj8 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/64 250 55453 188311 188307 2022-07-30T12:00:04Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|49}}</noinclude>2 นาที เผอิญงาช้างตัวหนึ่งหักสะบั้น ผู้อำนวยการเห็นก็ถามฉันทันทีว่า จะโปรดไห้หยุดหรือยัง ฉันเข้าไจว่า เขาหยากไห้หยุด ก็ตอบว่า หยุดเถิด แต่ยังนึกฉงนว่า เขาจะห้ามช้างหย่างไร เห็นเขาโบกมือไห้สัญญา พวกกรมช้างที่แอบหยู่ไนกำแพงแก้วก็จุดดอกไม้ไฟหย่างไฟพเนียงมีด้ามถือวิ่งตรงเข้าไปที่ช้าง ช้างกลัวไฟก็เลิกชนวิ่งหนีแยกกันไป พอช้างสองตัวไปห่างแล้ว คนก็ขี่ม้าเข้าไปเอาแพนล่อพาช้างกลับไปโรงทั้งสองตัว ได้ดูชนกันครู่เดียว ผู้อำนวยการเขาบอกไห้ซาบเมื่อพายหลังว่า ธัมดาช้างชนนั้น ถ้าตัวไหนชนแพ้ครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่สู้ช้างอีกต่อไป เห็นช้างตัวงาหักเสียที กลัวจะเลยเสียช้าง จึงได้ขอไห้รีบเลิกเสีย ฉันได้ดูชนช้างที่ชัยบุระแม้ดูเพียงครู่เดียวก็สนุกจับไจ ด้วยเปนการหย่างหนึ่งไนตำราคชสาสตรแต่ดึกดำบรรพซึ่งชาวอินเดียเขายังรักสามา เปนแต่มาแปลงเปนการกิลาไนสมัยเมื่อเลิกไช้ช้างรบพุ่งแล้ว ไทยเราก็มีวิชาคชสาสตรคล้ายกับชาวอินเดียดังจะพรรนนาไนนิทานเรื่องอื่นต่อไปข้างหน้า {{ลห|ร2|รือสีดัดตน|120}} วันหนึ่ง เขาพาฉันไปดูพิพิธภันทสถานของเมืองชัยบุระ ไปเห็นรูปปั้นเปนรือสีหย่างไนอินเดีย ทำท่าต่าง ๆ เหมือนหย่างรูปรือสีดัดตนไนวัดพระเชตุพนฯ แต่ขนาดย่อม ๆ ตั้งเรียงไว้ไนตู้ไบหนึ่ง ที่จิงควนฉันจะถามเขาว่า รูปอะไร แต่ฉันไปอวดรู้ถามเขาว่า รูปเหล่านั้นเปนแบบ<noinclude>{{ข|7|4em}}</noinclude> hqi3j9towd3jfanfi99n7pe89yyb1yy หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/65 250 55454 188321 176372 2022-07-30T12:07:26Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|50}}</noinclude>ท่าดัดตนไห้หายเมื่อยหรือ เขาตอบว่า ไม่ไช่ แล้วบอกอธิบายต่อไปว่า รูปเหล่านั้นเปนแบบท่าต่าง ๆ ที่พวกดาบสบำเพ็นตะบะเพื่อบันลุโมขธัม ฉันได้ฟังก็นึกละอายไจไม่พอที่จะไปอวดรู้ต่อเขาผู้เปนเจ้าของตำราเรื่องรือสีชีพราหมน์ แต่ก็เกิดหยากรู้แต่นั้นมาว่า เหตุไฉนรูปรือสีดัดตนที่เขาทำไนเมืองไทยจึงไปพ้องกับท่าดาบสบำเพ็นตะบะของชาวอินเดีย เมื่อกลับมาจึงค้นหาตำรารือสีดัดตน พบอธิบายปรากตไนศิลาจารึกเรื่องส้างวัดพระเชตุพนฯ ว่า พระบาทสมเด็ดพระพุทธยอดฟ้าจุลาโลกโปรดไห้ "ตั้งตำรายาและรือสีดัดตนไว้เปนทาน" ตามสาลารายริมกำแพงวัดพระเชตุพนฯ รูปรือสีดัดตนส้างไนรัชกาลที่ 1 เปนรูปปั้น และคงมีอักสรจารึกศิลาติดไว้ไกล้กับรูปรือสีบอกว่า ดัดตัวท่านั้นแก้โรคหย่างนั้น ครั้นถึงรัชกาลที่ 3 เมื่อปติสังขรน์วัดพระเชตุพนฯ พระบาทสมเด็ดพระนั่งเกล้าเจ้าหยู่หัวโปรดไห้เปลี่ยนรูปรือสีเปนหล่อด้วยดีบุก และโปรดไห้พวกกวีแต่งโคลง 4 ขนานชื่อรือสีและบอกท่าดัดตนแก้โรคหย่างได ๆ จารึกสิลาติดประจำไว้กับรูปภาพตัวละบทหนึ่ง เรียกรวมกันว่า "โคลงรือสีดัดตน" พบตำราว่าด้วยเรื่องรือสีหรือดาบสทำท่าต่าง ๆ มีหยู่ไนเมืองไทยเพียงเท่านั้น จึงเปนปัญหาว่า ท่ารือสีดัดตนต่าง ๆ จะเปนท่าบำเพ็นตะบะของดาบสหย่างเขาว่าที่เมืองชัยบุระ หรือเปนท่าดัดตัวแก้โรคเมื่อยขบหย่างเช่นไทยถือเปนตำรา ฉันไม่รู้ว่าจะเปนหย่างไหนแน่มาช้านาน จนเมื่อออกมาหยู่เมืองปีนัง มีดาบสชาวอินเดียคนหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อลือเลื่องว่าเคร่งครัดนักมาบำเพ็นตะบะนะ<noinclude></noinclude> icv6zk99z1jytq4f6bkz84w9g7gre0o หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/66 250 55455 188322 176374 2022-07-30T12:10:32Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|51}}</noinclude>เมืองปีนัง พวกชาวอินเดียที่เลื่อมไสเรี่ยไรกันซื้อที่ส้างอาสมไห้ดาบสนั้นหยู่แห่งหนึ่ง ฉันไปดูเห็นที่ตรงกลางบริเวนก่อเปนมนดป 8 เหลี่ยม หลังคาเปนซุ้มมียอดหย่างแบบอินเดีย มีมุขเด็ดข้างหน้าและเฉลียงโถงรอบมนดป เห็นตัวดาบสนั่งขัดสมาธิเหมือนหย่างพระประธานหยู่บนเตียงหน้ามุขเด็ด ผเอินผู้อุปถากพูดภาสาอังกริดได้ บอกอธิบายไห้รู้ว่า ดาบสนั้นสมาทานตะบะสองหย่าง คือ เว้นวจีกัมไม่พูดกับไคร ๆ หมด หย่างหนึ่ง กับนั่งสมาธิหยู่นะอาสนะอันเดียวตั้งเช้าจนค่ำทุกวันเปนนิจ หย่างหนึ่ง ฉันถามว่า ไนมนดปเปนที่สำหรับดาบสนอนหรือ เขาตอบว่า ยังไม่มีไครเคยเห็นดาบสตนนั้นนอนเลย โดยปรกติ พอค่ำ ดาบสก็ลุกจากอาสนะที่มุขเด็ดเข้าไปไนมนดป แต่ไปทำพิธีอีกชนิดหนึ่งเพื่อแก้เมื่อยขบ เห็นทำท่าต่าง ๆ บางที (ปลุก) ตัวลอยขึ้นไปก็มี ฉันได้ฟังก็เข้าไจแจ่มแจ้งสิ้นสงสัย ได้ความรู้ว่า การดัดตนนั้นเปนส่วนอันหนึ่งของการบำเพ็นตะบะนั่นเอง เพราะนั่งหรือยืนทีเดียวตลอดวันยังค่ำ ทรมานร่างกายเกินวิสัย ก็ย่อมเกิดอาการเมื่อยขบ จึงคิดวิธีดัดตนสำหรับระงับทุกขเวทนาอันเกิดแต่บำเพ็นตะบะ แล้วตั้งเปนตำราไว้แต่ดึกดำบรรพ ที่พวกชาวเมืองชัยบุระเขาบอกว่า เปนวิธีของพวกดาบสนั้น ก็ถูก ที่ไทยว่า เปนวิธีแก้เมื่อยขบ ก็ถูก เพราะไทยเราไม่เลื่อมไสวิธีตะบะของพวกถือสาสนาฮินดู เอาแต่วิธีดัดตัวแก้เมื่อยขบมาไช้ จึงเกิดตำรารือสีดัดตนขึ้นด้วยประการฉะนี้ {{มปก}}<noinclude></noinclude> ehmzzapibhj4zzrwapr1m4hc9jkhbar หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/67 250 55456 188323 176376 2022-07-30T12:12:12Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|52}}</noinclude>{{ลห|ร3|ถูกสาป|120}} เมื่อฉันหยู่ที่เมืองชัยบุระนั้น จะไปไหน ๆ เขาไห้ไปรถไหย่เทียมม้าคู่ มีทหานม้าแห่แซงทั้งข้างหน้าข้างหลังไห้สมเกียรติยสของเจ้าต่างประเทส เพราะฉะนั้น เวลาไปไหนจึงมีคนดูทั้งสองข้างถนน วันหนึ่ง ฉันเห็นดาบสคนหนึ่งเกล้าผมสูง นุ่งห่มผ้าย้อมฝาด มีประคำคล้องคอ ยืนหยู่ริมถนนข้างหน้าแถวคนดู เมื่อรถฉันไปถึงตรงหน้า ดาบสยิ้มยกมือเปนทำนองอวยพร ออกอุทานเปนพาสาสันสกริต ได้ยินเข้าหูคำหนึ่งว่า "หริราชา" นึกว่าแกอำนวยการก็ยิ้มรับแล้วเลยผ่านไป เมื่อผ่านไปได้สักหน่อยหนึ่ง ยังไม่ห่างกันนัก ฉันเหลียวหน้ากลับไปดู เห็นดาบสตนนั้นทำหน้าตาถมึงทึง ยกไม้ยกมือกวัดแกว่ง ปากก็ว่าอะไรยืดยาว ฉันไม่ได้ยินถนัด แต่รู้ทีว่าเปนกิริยาโกรธ จึงนึกว่า ที่ดาบสตนนั้นยิ้มแย้มไห้พรตอนแรกเห็นจะขอทาน ครั้นไม่ได้เงินก็โกรธขึ้ง ออกปากตอนหลังน่าจะเปนคำสาปสรรค์ (curse) ฉันถามขุนนางอังกริดที่เขาไปด้วยไนรถว่า เปนเช่นนั้นหรือหย่างไร เขาไม่บอกตรง ๆ เปนแต่บอกว่า ประเพนีประเทสราชไนอินเดีย เวลามหาราชาสเด็ดไปไหน มีขบวนแห่ ย่อมโปรยเงินเปนทานแก่ราสดรที่มาหยู่ข้างราชวิถี พวกนั้นเคยได้เงิน จึงอยากได้อีก ฉันได้ฟังอธิบายก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกสองหย่าง คือ ประเพนีพระเจ้าแผ่นดินโปรยเงินพระราชทานราสดรสองข้างราชวิถีก็มีไนเมืองไทยไนเวลาแห่สเด็ดโดยขบวนพยุหยาตรา เช่น เลียบพระนครหรือสเด็ดไปทอดพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราก็ซงโปรย<noinclude></noinclude> jiil1rxw4tzhfupsb8cli0g6tzn9s0q 188324 188323 2022-07-30T12:15:21Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|52}}</noinclude>{{ลห|ร3|ถูกสาป|120}} เมื่อฉันหยู่ที่เมืองชัยบุระนั้น จะไปไหน ๆ เขาไห้ไปรถไหย่เทียมม้าคู่ มีทหานม้าแห่แซงทั้งข้างหน้าข้างหลังไห้สมเกียรติยสของเจ้าต่างประเทส เพราะฉะนั้น เวลาไปไหนจึงมีคนดูทั้งสองข้างถนน วันหนึ่ง ฉันเห็นดาบสคนหนึ่งเกล้าผมสูง นุ่งห่มผ้าย้อมฝาด มีประคำคล้องคอ ยืนหยู่ริมถนนข้างหน้าแถวคนดู เมื่อรถฉันไปถึงตรงหน้า ดาบสยิ้มยกมือเปนทำนองอวยพร ออกอุทานเปนภาสาสันสกริต ได้ยินเข้าหูคำหนึ่งว่า "หริราชา" นึกว่าแกอำนวยการก็ยิ้มรับแล้วเลยผ่านไป เมื่อผ่านไปได้สักหน่อยหนึ่ง ยังไม่ห่างกันนัก ฉันเหลียวหน้ากลับไปดู เห็นดาบสตนนั้นทำหน้าตาถมึงทึง ยกไม้ยกมือกวัดแกว่ง ปากก็ว่าอะไรยืดยาว ฉันไม่ได้ยินถนัด แต่รู้ทีว่า เปนกิริยาโกรธ จึงนึกว่า ที่ดาบสตนนั้นยิ้มแย้มไห้พรตอนแรกเห็นจะขอทาน ครั้นไม่ได้เงินก็โกรธขึ้ง ออกปากตอนหลังน่าจะเปนคำสาปสรรค Curse ฉันถามขุนนางอังกริดที่เขาไปด้วยไนรถว่า เปนเช่นนั้นหรือหย่างไร เขาไม่บอกตรง ๆ เปนแต่บอกว่า ประเพนีประเทสราชไนอินเดีย เวลามหาราชาสเด็ดไปไหน มีขบวนแห่ ย่อมโปรยเงินเปนทานแก่ราสดรที่มาหยู่ข้างราชวิถี พวกนั้นเคยได้เงิน จึงอยากได้อีก ฉันได้ฟังอธิบายก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกสองหย่าง คือ ประเพนีพระเจ้าแผ่นดินโปรยเงินพระราชทานราสดรสองข้างราชวิถีก็มีไนเมืองไทยไนเวลาแห่สเด็ดโดยขบวนพยุหยาตรา เช่น เลียบพระนครหรือสเด็ดไปทอดพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราก็ซงโปรย<noinclude></noinclude> h0kr8ze0iy55iw0v6j3ohfkesonjlf8 188326 188324 2022-07-30T12:20:43Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|52}}</noinclude>{{ลห|ร3|ถูกสาบ|120}} เมื่อฉันหยู่ที่เมืองชัยบุระนั้น จะไปไหน ๆ เขาไห้ไปรถไหย่เทียมม้าคู่ มีทหานม้าแห่แซงทั้งข้างหน้าข้างหลังไห้สมเกียรติยสของเจ้าต่างประเทส เพราะฉะนั้น เวลาไปไหนจึงมีคนดูทั้งสองข้างถนน วันหนึ่ง ฉันเห็นดาบสคนหนึ่งเกล้าผมสูง นุ่งห่มผ้าย้อมฝาด มีประคำคล้องคอ ยืนหยู่ริมถนนข้างหน้าแถวคนดู เมื่อรถฉันไปถึงตรงหน้า ดาบสยิ้มยกมือเปนทำนองอวยพร ออกอุทานเปนภาสาสันสกริต ได้ยินเข้าหูคำหนึ่งว่า "หริราชา" นึกว่าแกอำนวยการก็ยิ้มรับแล้วเลยผ่านไป เมื่อผ่านไปได้สักหน่อยหนึ่ง ยังไม่ห่างกันนัก ฉันเหลียวหน้ากลับไปดู เห็นดาบสตนนั้นทำหน้าตาถมึงทึง ยกไม้ยกมือกวัดแกว่ง ปากก็ว่าอะไรยืดยาว ฉันไม่ได้ยินถนัด แต่รู้ทีว่า เปนกิริยาโกรธ จึงนึกว่า ที่ดาบสตนนั้นยิ้มแย้มไห้พรตอนแรกเห็นจะขอทาน ครั้นไม่ได้เงินก็โกรธขึ้ง ออกปากตอนหลังน่าจะเปนคำสาบสรรค Curse ฉันถามขุนนางอังกริดที่เขาไปด้วยไนรถว่า เปนเช่นนั้นหรือหย่างไร เขาไม่บอกตรง ๆ เปนแต่บอกว่า ประเพนีประเทสราชไนอินเดีย เวลามหาราชาสเด็ดไปไหน มีขบวนแห่ ย่อมโปรยเงินเปนทานแก่ราสดรที่มาหยู่ข้างราชวิถี พวกนั้นเคยได้เงิน จึงอยากได้อีก ฉันได้ฟังอธิบายก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกสองหย่าง คือ ประเพนีพระเจ้าแผ่นดินโปรยเงินพระราชทานราสดรสองข้างราชวิถีก็มีไนเมืองไทยไนเวลาแห่สเด็ดโดยขบวนพยุหยาตรา เช่น เลียบพระนครหรือสเด็ดไปทอดพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราก็ซงโปรย<noinclude></noinclude> aczvcnqye9pv0m2l4gkg7fz04m39gzg หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/68 250 55457 188325 176378 2022-07-30T12:20:28Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|53}}</noinclude>เงิน ฉันได้เคยเห็นเมื่อเปนราชองครักส์แห่สเด็ดหลายครั้ง ถ้าซงพระยานมาสสเด็ดไปทางบก มีกรวยปักไว้ข้างที่ประทับ ไนกรวยมีขันทองลงยาไส่เงินสลึงเงินเฟื้องซงหยิบโปรยพระราชทานราสดรทั้งสองข้างทาง ถ้าสเด็ดไปทางเรือ ทำเปนลูกไม้กลมไส่เงินปลีกไว้ไนนั้น เมื่อซงโปรย ลูกไม้ก็ลอยน้ำหยู่ไห้ราสดรเก็บ เปนประเพนีไทยเราได้มาจากอินเดียแต่ดึกดำบรรพหย่างหนึ่ง ได้ความรู้อีกหย่างหนึ่งนั้น คือ การสาบสรรคซึ่งผู้มีริทธิ์เดชกะทำร้ายแก่ผู้อื่นอันมีกล่าวไนหนังสือเก่าทั้งทางสาสนาไสยสาสตรและพระพุทธสาสนาที่มาจากอินเดีย เพิ่งได้เห็นว่า วิธีสาบนั้นออกปากตะโกนแช่งเอาซึ่ง ๆ หน้า ไม่ลอบภาวนาสาบไนที่ลับเหมือนหย่างที่เรียกว่า "ทำกฤตยาคม" หรือำปั้นรูปเสกแช่งแล้วเอาไปฝังไว้ ส่อว่า วิธีสาบแช่งมีสองหย่างต่างครูกัน ฉันได้เห็นของประหลาดเข้าเรื่องนิทานโบรานคดีที่เมืองชัยบุระ 3 หย่างดังพรรนนามา ยังมีของประหลาดได้เห็นแห่งอื่นไนอินเดีย จะเล่าไนนิทานเรื่องต่อไป {{สกอ|sp|100}}<noinclude></noinclude> 8ns8w8sxk2t9hi5vdnjuuo4472jeeyr หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/111 250 55458 188316 179586 2022-07-30T12:02:33Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Praesideo" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 8|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง เจ้าพระยาอภัยราชา (โรลังยัคมินส)|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} เมื่อสมเด็ดกรมพระยาเทวะวงส์วโรปการซงเปนตำแหน่งเสนาบดีกะซวงการต่างประเทสแต่ยังเปนกรมหมื่น แรกได้มิสเตอร์เฮนรี อาลบาสเตอร์ ซึ่งเคยเปนข้าราชการอังกริดแล้วลาออกจากตำแหน่งมารับราชการหยู่กับไทยเปนที่ปรึกสากดหมายนานาประเทสมาหลายปี ครั้นมิสเตอร์อาลบาสเตอร์ถึงแก่กัม ซงพระดำหริว่า การที่มีฝรั่งผู้ชำนาญกดหมายนานาประเทสไว้เปนที่ปรึกสาไนกะซวงการต่างประเทสเปนประโยชน์มาก มีพระประสงค์จะหาตัวแทนมิสเตอร์อาลบาสเตอร์ เมื่อหมอเคาแวนซึ่งเปนราชแพทย์ประจำพระองค์ทูนลาไปยุโรปชั่วคราว สมเด็ดกรมพระยาเทวะวงส์ฯ จึงตรัดสั่งหมอเคาแวนไห้ไปสืบหาผู้ชำนาญกดหมายนานาประเทสถวาย หมอเคาแวนไปหาได้เนติบันดิตคนหนึ่งชื่อ มิสเตอร์มิตเชล เข้ามารับราชการเปนที่ปรึกสากดหมายไนกะซวงการต่างประเทส แต่มิสเตอร์มิตเชลเปนผู้มีอัชชาสัยก้าวร้าว มิไคร่มีไครชอบ แม้สมเด็ดกรมพระยาเทวะวงส์ฯ ก็ไม่โปรด เมื่อฉันออกไปยุโรปไน พ.ส. 2434 มิสเตอร์มิตเชลยังรับราชการหยู่ ฉันไปถึงกรุงลอนดอน พักหยู่ที่สถานทูตไทย ได้ข่าวว่า มิสเตอร์มิตเชลลาออกจากราชการ ก็ไม่ประหลาดไจอันได แต่คิดถึงสมเด็ดกรมพระยาเทวะวงส์ฯ ว่า จะซงลำบากด้วยต้องหาคนเปนที่ปรึกสาไหม่ นึกขึ้นว่า{{วว}}<noinclude></noinclude> n9648neoikjy1zhuxij8teph5l8quu4 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/117 250 55464 188356 176385 2022-07-31T03:57:51Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 9|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง หนังสือหอหลวง|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} {{ก|(1)|บ=font-size:120%}} หอหลวงเปนที่เก็บรักสาหนังสือซึ่งเปนแบบฉบับตำหรับตำราและจดหมายเหตุราชการบ้านเมือง (ที่เรียกว่า "หอหลวง" เห็นจะเปนคำย่อมาแต่ "หนังสือหอหลวง") มีไนพระราชวังมาแต่ครั้งกรุงสรีอยุธยา ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้ก็มีหอหลวงหยู่ที่ไนพระราชวังเช่นเดียวกัน ฉันเคยเห็น เปนตึกชั้นเดียวหลังหนึ่งหยู่ริมถนนตรงหน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ยังมีรูปภาพตึกนั้นเขียนไว้ไนพระวิหารหลวงวัดราชประดิถฯ (ห้องที่เขียนการพิธีทำขนมเบื้องเลี้ยงพระ) อาลักสน์เปนพนักงานรักสาหนังสือหอหลวง จึงทำการของกรมอาลักสน์ที่ตึกนั้นด้วย เปนเหตุไห้คนทั้งหลายเรียกตึกนั้นว่า "ห้องอาลักสน์" ด้วยอีกหย่างหนึ่ง ไนรัชกาลที่ 5 (ดูเหมือนไนปีชวด พ.ส. 2419) เมื่อส้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โปรดไห้รื้อตึกหอหลวงกับตึกสำหรับข้าราชการกรมอื่น ๆ ที่รายเรียงหยู่แถวเดียวกันลง เพื่อจะส้างไหม่ไห้งามสมกับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก็ไนเวลารื้อตึกส้างไหม่นั้นจำต้องย้ายของต่าง ๆ อันเคยหยู่ไนตึกแถวนั้นไปไว้ที่อื่น สมัยนั้น กรมหลวงบดินทรไพสาลโสพนยังดำรงพระยสเปนกรมหมื่นอักสรสารโสพน ซงบันชาการกรมอาลักสน์ หาที่อื่นเก็บหนังสือหอหลวงไม่ได้ จึงไห้ขนเอาไปรักสา<noinclude></noinclude> o71awoo14b4y8pup0qt3tu60lyy9s9w 188357 188356 2022-07-31T04:04:41Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 9|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง หนังสือหอหลวง|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} {{ก|(1)|บ=font-size:120%}} หอหลวงเปนที่เก็บรักสาหนังสือซึ่งเปนแบบฉบับ ตำหรับตำรา และจดหมายเหตุราชการบ้านเมือง (ที่เรียกว่า "หอหลวง" เห็นจะเปนคำย่อมาแต่ "หอหนังสือหลวง") มีไนพระราชวังมาแต่ครั้งกรุงสรีอยุธยา ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้ก็มีหอหลวงหยู่ที่ไนพระราชวังเช่นเดียวกัน ฉันเคยเห็น เปนตึกชั้นเดียวหลังหนึ่งหยู่ริมถนนตรงหน้าพระที่นั่งอมรินทวินิจฉัย ยังมีรูปภาพตึกนั้นเขียนไว้ไนพระวิหารหลวงวัดราชประดิถฯ (ห้องที่เขียนการพิธีทำขนมเบื้องเลี้ยงพระ) อาลักสน์เปนพนักงานรักสาหนังสือหอหลวง จึงทำการของกรมอาลักสน์ที่ตึกนั้นด้วย เปนเหตุไห้คนทั้งหลายเรียกตึกนั้นว่า "ห้องอาลักสน์" ด้วยอีกหย่างหนึ่ง ไนรัชกาลที่ 5 (ดูเหมือนไนปีชวด พ.ส. 2419) เมื่อส้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โปรดไห้รื้อตึกหอหลวงกับตึกสำหรับราชการกรมอื่น ๆ ที่รายเรียงหยู่แถวเดียวกันลง เพื่อจะส้างไหม่ไห้งามสมกับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก็ไนเวลารื้อตึกส้างไหม่นั้น จำต้องย้ายของต่าง ๆ อันเคยหยู่ไนตึกแถวนั้นไปไว้ที่อื่น สมัยนั้น กรมหลวงบดินทไพสาลโสภนยังดำรงพระยสเปนกรมหมื่นอักสรสารโสภน ซงบันชาการกรมอาลักสน์ หาที่อื่นเก็บหนังสือหอหลวงไม่ได้ จึงไห้ขนเอาไปรักสา<noinclude></noinclude> 5wxjalx3kb85vrlql7tt76oo46rwkm9 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/118 250 55465 188358 176386 2022-07-31T04:05:41Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|103}}</noinclude>ไว้ที่วังของท่านอันหยู่ต่อเขตวัดพระเชตุพนฯ ไปข้างไต้ หนังสือหอหลวงก็ไปหยู่ที่วังกรมหลวงบดินทฯ แต่นั้นมาหลายปี {{ก|(2)|บ=font-size:120%}} เมื่อ พ.ส. 2424 มีงานฉลองอายุพระนครครบหนึ่งร้อยปี ไนงานนั้นมีการสแดงพิพิธภันฑ์ เรียกกันไนสมัยนั้นตามพาสาอังกริดว่า "เอ๊กซ์หิบิเชน" ส้างโรงชั่วคราวเปนบริเวนไหย่ไนท้องสนามหลวง พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวดำหรัดชวนพระบรมวงสานุวงส์ และข้าราชการ ตลอดจนคฤหบดีที่มีไจจะช่วย ไห้จัดของต่าง ๆ อันควนอวดความรู้และความคิดกับทั้งฝีมือช่างของไทยมาตั้งไห้คนดู จัดที่สแดงเปนห้อง ๆ ต่อกันไปตามประเพทสิ่งของ ครั้งนั้น กรมหลวงบดินทฯ ซงรับสแดงหนังสือไทยฉบับเขียน เอาสมุดไนหอหลวงที่มีมาแต่โบรานมาตั้งอวดห้องหนึ่ง นาย ก.ส.ร. กุหลาบ รับอาสาสแดงหนังสือไทยสมัยเมื่อแรกพิมพ์ห้องหนึ่งหยู่ต่อกับห้องของกรมหลวงบดินทฯ ด้วยเปนของประเพทเดียวกัน ฉันเคยไปดูทั้งสองห้องและเริ่มรู้จักตัวนายกุหลาบเมื่อครั้งนั้น เรื่องประวัติของนายกุหลาบคนนี้กล่าวกันว่า เดิมรับจ้างเปนเสมียนหยู่ไนโรงสีไฟของห้างมากวลด์ จึงเรียกกันว่า "เสมียนกุหลาบ" ทำงานมีผลจนตั้งตัวได้ ก็ส้างบ้านเรือนหยู่ริมแม่น้ำข้างไต้วัดราชาธิวาส นายกุหลาบเปนผู้มีอุปนิสัยรักรู้โบรานคดี ได้พยายามหาหนังสือฉบับแรกพิมพ์ เช่น หมายประกาสที่พิมพ์<noinclude></noinclude> le84qedf51fx23edjoep7pgqvl6qfa6 188359 188358 2022-07-31T04:10:59Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|103}}</noinclude>ไว้ที่วังของท่านอันหยู่ต่อเขตวัดพระเชตุพนฯ ไปข้างไต้ หนังสือหอหลวงก็ไปหยู่ที่วังกรมหลวงบดินทฯ แต่นั้นมาหลายปี {{ก|(2)|บ=font-size:120%}} เมื่อ พ.ส. 2424 มีงานฉลองอายุพระนครครบ 100 ปี ไนงานนั้นมีการสแดงพิพิธภันฑ์ เรียกกันไนสมัยนั้นตามภาสาอังกริดว่า "เอ๊กซหิบิเชน" ส้างโรงชั่วคราวเปนบริเวนไหย่ไนท้องสนามหลวง พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวดำหรัดชวนพระบรมวงสานุวงส์ และข้าราชการตลอดจนครึหะบดีที่มีไจจะช่วยไห้จัดของต่าง ๆ อันควนอวดความรู้และความคิดกับทั้งฝีมือช่างของไทยมาตั้งไห้คนดู จัดที่สแดงเปนห้อง ๆ ต่อกันไปตามประเพทสิ่งของ ครั้งนั้น กรมหลวงบดินทฯ ซงรับสแดงหนังสือไทยฉบับเขียน เอาสมุดไนหอหลวงที่มีมาแต่โบรานมาตั้งอวดห้องหนึ่ง นาย ก.ส.ร. กุหลาบ รับอาสาสแดงหนังสือไทยสมัยเมื่อแรกพิมพ์ห้องหนึ่งหยู่ต่อกับห้องของกรมหลวงบดินทฯ ด้วยเปนของประเภทเดียวกัน ฉันเคยไปดูทั้ง 2 ห้องและเริ่มรู้จักตัวนายกุหลาบเมื่อครั้งนั้น เรื่องประวัติของนายกุหลาบคนนี้กล่าวกันว่า เดิมรับจ้างเปนเสมียนหยู่ไนโรงสีไฟของห้างมากวลด์ จึงเรียกกันว่า "เสมียนกุหลาบ" ทำงานมีผลจนตั้งตัวได้ ก็ส้างบ้านเรือนหยู่ริมแม่น้ำข้างไต้วัดราชาธิวาสฯ นายกุหลาบเปนผู้มีอุปนิสัยรักรู้โบรานคดี ได้พยายามหาหนังสือฉบับแรกพิมพ์ เช่น หมายประกาสที่พิมพ์<noinclude></noinclude> b9q0un9791lfg859fgexdqsym8lwyjb หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/119 250 55466 188360 176387 2022-07-31T04:13:44Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|104}}</noinclude>เปนไบปลิว และหนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่พิมพ์เปนเล่มสมุดไนรัชกาลที่ 4 รวบรวมไว้ได้มากกว่าผู้อื่น จึงกล้ามารับสแดงหนังสือฉบับพิมพ์ไนงานครั้งนั้น ก็การสแดงพิพิธภันท์เปิดไห้คนดูหยู่นาน นายกุหลาบมีโอกาสเข้าไปดูหนังสือหอหลวงได้ทุกวันเพราะห้องหยู่ติดต่อกัน เมื่อได้เห็นหนังสือหอหลวงมีเรื่องโบรานคดีต่าง ๆ ที่ตัวไม่เคยรู้หยู่เปนอันมาก ก็ติดไจหยากได้สำเนาไว้เปนตำราเรียน จึงตั้งหน้าประจบประแจงกรมหลวงบดินทฯ ตั้งแต่ที่ท้องสนามหลวง จนเลิกงานแล้วก็ยังตามไปเฝ้าแหนที่วังต่อมา จนกรมหลวงบดินทฯ ซงพระเมตตา นายกุหลาบทูนขอคัดสำเนาหนังสือหอหลวงบางเรื่อง แต่กรมหลวงบดินทฯ ไม่ประทานอนุญาต ตรัดว่า หนังสือหอหลวงเปนของต้องห้ามมิไห้ไครคัดลอก นายกุหลาบจนไจ จึงคิดทำกลอุบายทูนขออนุญาตเพียงยืมไปอ่านแต่ครั้งละเล่มสมุดไทย และสัญญาว่า พออ่านแล้วจะรีบส่งคืนไนวันรุ่งขึ้น กรมหลวงบดินทฯ ไม่ซงระแวงก็ประทานอนุญาต นายกุหลาบจึงไปว่าจ้างพวกทหานมหาดเล็กที่รู้หนังสือเตรียมไว้สองสามคน สมัยนั้น ฉันเปนผู้บังคับการกรมทหานมหาดเล็ก รู้จักตัวผู้ที่ไปรับจ้างนายกุหลาบคนหนึ่งชื่อ นายเมธ นายเมธนั้นมีชื่อหย่างหนึ่งว่า "เมธะ" และมีส้อยชื่อต่อไปยาว เปนบุตรของจ่าอัสวราช ๆ ตั้งชื่อลูกเปนบทกลอนหย่างแปลกประหลาด ฉันจำได้จึงจดฝากไว้ไห้ผู้อื่นรู้ด้วยไนที่นี้ {{กม|ข3|1}}อาทิก่อนแม่ "กลีบ" เรณู {{มปก}}<noinclude></noinclude> bvw42zyluue0yk4cc72wal5ka09bfls หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/120 250 55467 188361 176388 2022-07-31T04:14:38Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|105}}</noinclude>{{กม|ข3|2}}เมธะแปลว่ารู้ นาย "เมธ" ปะสิมา {{กม|ข3|3}}"กวี" ปรีชาปิยบุตรที่สาม {{กม|ข3|4}}"ฉวี" ผิวงามบุตรแม่พริ้มแรกเกิด {{กม|ข3|5}}"วรา" ประเสริถที่สองงามสม {{กม|ข3|6}}"กำดัด" ทรามชมกัลยาลำยอง {{กม|ข3|7}}"สาโรจน์" บัวทองพิสพักตร์ประไพ {{กม|ข3|8}}"สุมน" สุมาลัยเยาวลักสน์นารี {{กม|ข3|9}}"บรม" แปลว่ามีปรมังลาพา {{กม|ข3|10}}"ลิขิต" เลขาบุตรบุตรพัลลพ {{กม|ข3|11}}"สุพรรน" วรนพคุนสริรา ที่เรียกกันแต่ตามคำที่หมาย "{{ตตฉ|...}}" ไว้ ลูกผู้ชายรู้หนังสือไทยดีทุกคน พอนายกุหลาบได้หนังสือจากวังกรมหลวงบดินทฯ ก็ลงเรือจ้างที่ท่าเตียนข้ามฟากไปยังวัดอรุนฯ ตามคำพวกมหาดเล็กที่รับจ้างมาเล่าว่า เอาเสื่อผืนยาวปูที่ไนพระระเบียง และเอาสมุดคลี่วางบนเสื่อตลอดเล่ม ไห้คนคัดแบ่งกันคัดคนละตอน คัดหน้าต้นแล้วพลิกสมุดเอาหน้าปลายขึ้นคัด พอเวลาบ่ายก็คัดสำเนาไห้นายกุหลาบได้หมดทั้งเล่ม แต่พวกทหานมหาดเล็กที่ไปรับจ้างคัดก็ไม่รู้ว่า นายกุหลาบได้หนังสือมาจากไหน และจะคัดเอาไปทำไม เห็นแปลกแต่ที่รีบคัดไห้หมดเล่มไนวันเดียว ได้ค่าจ้างแล้วก็แล้วกัน แต่ฉันได้ยินเล่าก็ไม่เอาไจไส่ ไนสมัย<noinclude>{{ข|14|4em}}</noinclude> dnvf62ne3gta9q0y7jk437b3n6ms7ga 188362 188361 2022-07-31T04:17:07Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|105}}</noinclude>{{กม|ข3|2}}เมธะแปลว่ารู้ นาย "เมธ" ปะสิมา {{กม|ข3|3}}"กวี" ปรีชาปิยบุตรที่สาม {{กม|ข3|4}}"ฉวี" ผิวงามบุตรแม่พริ้มแรกเกิด {{กม|ข3|5}}"วรา" ประเสิดที่สองงามสม {{กม|ข3|6}}"กำดัด" ซามชมกัลยาลำยอง {{กม|ข3|7}}"สาโรจน์" บัวทองพิสพักตรประไพ {{กม|ข3|8}}"สุมน" สุมาลัยเยาวลักสน์นารี {{กม|ข3|9}}"บรม" แปลว่ามีปรมังลาภา {{กม|ข3|10}}"ลิขิต" เลขาบุตรบุตรพัลลภ {{กม|ข3|11}}"สุพรรน" วรนพพคุนสริรา ที่เรียกกันแต่ตามคำที่หมาย "{{ตตฉ|...}}" ไว้ ลูกผู้ชายรู้หนังสือไทยดีทุกคน พอนายกุหลาบได้หนังสือจากวังกรมหลวงบดินทฯ ก็ลงเรือจ้างที่ท่าเตียนข้ามฟากไปยังวัดอรุนฯ ตามคำพวกทหานมหาดเล็กที่รับจ้างมาเล่าว่า เอาเสื่อผืนยาวปูที่ไนพระระเบียง แล้วเอาสมุดคลี่วางบนเสื่อตลอดเล่ม ไห้คนคัดแบ่งกันคัดคนละตอน คัดหน้าต้นแล้วพลิกสมุดเอาหน้าปลายขึ้นคัด พอเวลาบ่ายก็คัดสำเนาไห้นายกุหลาบได้หมดทั้งเล่ม แต่พวกทหานมหาดเล็กที่ไปรับจ้างคัดก็ไม่รู้ว่า นายกุหลาบได้หนังสือมาจากไหน และจะคัดเอาไปทำไม เห็นแปลกแต่ที่รีบคัดไห้หมดเล่มไนวันเดียว ได้ค่าจ้างแล้วก็แล้วกัน แต่ฉันได้ยินเล่าก็ไม่เอาไจไส่ ไนสมัย<noinclude>{{ข|14|4em}}</noinclude> jowa0rd3c98ygza22l2gikfdefgc306 188363 188362 2022-07-31T04:17:42Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|105}}</noinclude>{{กม|ข3|2}}เมธะแปลว่ารู้ นาย "เมธ" ปะสิมา {{กม|ข3|3}}"กวี" ปรีชาปิยบุตรที่สาม {{กม|ข3|4}}"ฉวี" ผิวงามบุตรแม่พริ้มแรกเกิด {{กม|ข3|5}}"วรา" ประเสิดที่สองงามสม {{กม|ข3|6}}"กำดัด" ซามชมกัลยาลำยอง {{กม|ข3|7}}"สาโรจน์" บัวทองพิสพักตรประไพ {{กม|ข3|8}}"สุมน" สุมาลัยเยาวลักสน์นารี {{กม|ข3|9}}"บรม" แปลว่ามีปรมังลาภา {{กม|ข3|10}}"ลิขิต" เลขาบุตรบุตรพัลลภ {{กม|ข3|11}}"สุพรรน" วรนพพคุนสริรา ที่เรียกกันแต่ตามคำที่หมาย "{{ตตฉ|...}}" ไว้ ลูกผู้ชายรู้หนังสือไทยดีทุกคน พอนายกุหลาบได้หนังสือจากวังกรมหลวงบดินทฯ ก็ลงเรือจ้างที่ท่าเตียนข้ามฟากไปยังวัดอรุนฯ ตามคำพวกทหานมหาดเล็กที่รับจ้างมาเล่าว่า เอาเสื่อผืนยาวปูที่ไนพระระเบียง แล้วเอาสมุดคลี่วางบนเสื่อตลอดเล่ม ไห้คนคัดแบ่งกันคัดคนละตอน คัดหน้าต้นแล้วพลิกสมุดเอาหน้าปลายขึ้นคัด พอเวลาบ่ายก็คัดสำเนาไห้นายกุหลาบได้หมดทั้งเล่ม แต่พวกทหานมหาดเล็กที่ไปรับจ้างคัดก็ไม่รู้ว่า นายกุหลาบได้หนังสือมาจากไหน และจะคัดเอาไปทำไม เห็นแปลกแต่ที่รีบคัดไห้หมดเล่มไนวันเดียว ได้ค่าจ้างแล้วก็แล้วกัน แต่ฉันได้ยินเล่าก็ไม่เอาไจไส่ไนสมัย<noinclude>{{ข|14|4em}}</noinclude> i37v8l4p67mn8jp0hw2x251vq05p74l หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/121 250 55468 188364 176389 2022-07-31T04:18:11Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|106}}</noinclude>นั้น นายกุหลาบลักคัดสำเนาหนังสือหอหลวงด้วยอุบายหย่างนี้มาช้านาน เห็นจะกว่าปี จึงได้สำเนาหนังสือต่าง ๆ ไปจากหอหลวงมาก แต่ดูเหมือนจะชอบคัดแต่เรื่องเนื่องด้วยโบรานคดี แม้จนพระราชพงสาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งสี่รัชกาลซึ่งพระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวโปรดไห้เจ้าพระยาทิพากรวงส์แต่ง นายกุหลาบก็ลักคัดสำเนาเอาไปได้ แต่เมื่อนายกุหลาบได้สำเนาหนังสือหอหลวงไปแล้วเกิดหวาดหวั่นด้วยรู้ตัวว่า ลักคัดสำเนาหนังสือฉบับหลวงที่ต้องห้าม เกรงว่า ถ้าผู้หลักผู้ไหย่ไนราชการเห็นเข้าจะเกิดความ จึงคิดอุบายป้องกันภัยด้วยแก้ไขถ้อยคำสำนวนหรือเพิ่มเติมความแทรกลงไนสำเนาที่คัดไว้ไห้แปลกจากต้นฉบับเดิม เพื่อเกิดความจะได้อ้างว่าเปนหนังสือฉบับอื่นต่างหาก มิไช่ฉบับหลวง เพราะฉะนั้น หนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่นายกุหลาบคัดไปจากหอหลวงเอาไปทำเปนฉบับขึ้นไหม่จึงความที่แทรกเข้าไหม่ระคนปนกับความตามต้นฉบับเดิมหมดทุกเรื่อง {{ก|(3)|บ=font-size:120%}} ถึง พ.ส. 2426 นายกุหลาบเอาหนังสือซึ่งลักคัดจากหอหลวงไปดัดแปลงสำนวนเส็ดแล้วเรื่องหนึ่งส่งไห้หมอสมิทที่บางคอแหลมพิมพ์ นายกุหลาบตั้งชื่อหนังสือเรื่องนั้นว่า "คำไห้การขุนหลวงหาวัด" คือ คำไห้การของพระเจ้าอุทุมพรกับข้าราชการไทยที่พม่ากวาดเอาไปเมื่อครั้งเสียกรุงสรีอยุธยาไปเล่าเรื่องพงสาวดารและขนบธัมเนียมไทย<noinclude></noinclude> c068mhh9411yk8q57nbhxp3zqiqzx41 188365 188364 2022-07-31T04:25:59Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|106}}</noinclude>นั้น นายกุหลาบลักคัดสำเนาหนังสือหอหลวงด้วยอุบายหย่างนี้มาช้านาน เห็นจะกว่าปี จึงได้สำเนาหนังสือต่าง ๆ ไปจากหอหลวงมาก แต่ดูเหมือนจะชอบคัดแต่เรื่องเนื่องด้วยโบรานคดี แม้จนพระราชพงสาวดารกรุงรัตนโกสินท์ทั้ง 4 รัชกาลซึ่งพระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวโปรดไห้เจ้าพระยาทิพากรวงส์แต่ง นายกุหลาบก็ลักคัดสำเนาเอาไปได้ แต่เมื่อนายกุหลาบได้สำเนาหนังสือหอหลวงไปแล้ว เกิดหวาดหวั่นด้วยรู้ตัวว่า ลักคัดสำเนาหนังสือฉบับหลวงที่ต้องห้าม เกรงว่า ถ้าผู้หลักผู้ไหย่ไนราชการเห็นเข้าจะเกิดความ จึงคิดอุบายป้องกันภัยด้วยแก้ไขถ้อยคำสำนวนหรือเพิ่มเติมความแซกลงไนสำเนาที่คัดไว้ไห้แปลกจากต้นฉบับเดิม เพื่อเกิดความจะได้อ้างว่า เปนหนังสือฉบับอื่นต่างหาก มิไช่ฉบับหลวง เพราะฉะนั้น หนังสือเรื่องต่าง ๆ ที่นายกุหลาบคัดไปจากหอหลวงเอาไปทำเปนฉบับขึ้นไหม่จึงมีความที่แซกเข้าไหม่ระคนปนกับความตามต้นฉบับเดิมหมดทุกเรื่อง {{ก|(3)|บ=font-size:120%}} ถึง พ.ส. 2426 นายกุหลาบเอาหนังสือซึ่งลักคัดจากหอหลวงไปดัดแปลงสำนวนเส็ดแล้วเรื่องหนึ่งส่งไห้หมอสมิทที่บางคอแหลมพิมพ์ นายกุหลาบตั้งชื่อหนังสือเรื่องนั้นว่า "คำไห้การขุนหลวงหาวัด" คือ คำไห้การของพระเจ้าอุทุมพรกับข้าราชการไทยที่พม่ากวาดเอาไปเมื่อครั้งเสียกรุงสรีอยุธยาไปเล่าเรื่องพงสาวดารและขนบทำเนียมไทย<noinclude></noinclude> kars0bsxq7t90dbxxle9d7lm3odq3fm หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/142 250 55489 188471 176410 2022-07-31T11:56:46Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|127}}</noinclude>หอหลวงไว้ แล้วผ่อนไปขายแก่พวกฝรั่งและผู้สะสมของเก่า จึงปรากตว่า มีหนังสือฉบับหลวงออกเที่ยวขาย จนที่สุดถึงเอามาขายแก่ตัวฉันเอง จึงรู้ว่า ล้วนแต่ออกมาจากวังกรมหลวงบดินทฯ ทั้งนั้น แต่ผู้ขายหนังสือไม่รู้ว่า ฉันไห้สืบ เมื่อขายหนังสือพระราชพงสาวดาร ฉบับพระราชหัถเลขา ได้หมดแล้ว ยังเอาหนังสือกดหมายฉบับหลวงครั้งรัชกาลที่ 1 ซึ่งประทับตรา 3 ดวงมาขายที่หอพระสมุดฯ อีก 2 เล่ม ฉันตีราคาไห้เล่มละ 20 บาท เลยได้ความหยู่ข้างจะขบขัน ด้วยผู้ขายดีไจจนออกปากแก่พนักงานรับหนังสือว่า เสียดายไม่รู้ว่าหอพระสมุดฯ จะไห้ราคาถึงเท่านั้น เคยเอาไปบอกขายนายกุหลาบเล่มหนึ่ง นายกุหลาบว่า จะไห้ 20 บาท ครั้นเอาหนังสือไปไห้ ได้เงินแต่ 2 บาท นอกจากนั้นทวงเท่าไดก็ไม่ได้ ที่ว่านี้คือกดหมายเล่มที่นายกุหลาบเอาไปแก้สักราชนั่นเอง ก็ได้ไปจากวังกรมหลวงบดินทฯ เหมือนกัน เมื่อขายกดหมายแล้ว ผู้ขายบอกว่า หนังสือซึ่งมีขายหมดเพียงเท่านั้น ก็เห็นจะเปนความจิง เพราะคนขายได้เงินมาก และหอพระสมุดฯ ก็มิได้ทำไห้หวาดหวั่นหย่างได ถ้ายังมีหนังสือคงเอามาขายอีก จึงเห็นพอจะอ้างได้ว่า เก็บหนังสือหอหลวงซึ่งยังตกค้างหยู่ไนแหล่งกรมหลวงบดินทฯ กลับมาได้สิ้นเชิงเมื่อฉันซื้อหนังสือเข้าหอพระสมุดสำหรับพระนคร แต่ตัวฉันยังมีกิจเกี่ยวข้องกับหนังสือหอหลวงซึ่งพลัดพรายไปหยู่ที่อื่นต่อมาอีก ด้วยเมื่อ พ.ส. 2472 ฉันไปยุโรปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไปถึงกรุงลอนดอน ฉันนึกขึ้นได้ว่า เปนโอกาสที่จะตรวดดูไห้รู้ว่า อังกริดได้หนังสือฉบับเขียนไป<noinclude></noinclude> 1srsm8ov4k80zv7apuwzlxxictecz0i 188472 188471 2022-07-31T11:56:59Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|127}}</noinclude>หอหลวงไว้ แล้วผ่อนไปขายแก่พวกฝรั่งและผู้สะสมของเก่า จึงปรากตว่า มีหนังสือฉบับหลวงออกเที่ยวขาย จนที่สุดถึงเอามาขายแก่ตัวฉันเอง จึงรู้ว่า ล้วนแต่ออกมาจากวังกรมหลวงบดินทฯ ทั้งนั้น แต่ผู้ขายหนังสือไม่รู้ว่า ฉันไห้สืบ เมื่อขายหนังสือพระราชพงสาวดาร ฉบับพระราชหัถเลขา ได้หมดแล้ว ยังเอาหนังสือกดหมายฉบับหลวงครั้งรัชกาลที่ 1 ซึ่งประทับตรา 3 ดวงมาขายที่หอพระสมุดฯ อีก 2 เล่ม ฉันตีราคาไห้เล่มละ 20 บาท เลยได้ความหยู่ข้างจะขบขัน ด้วยผู้ขายดีไจจนออกปากแก่พนักงานรับหนังสือว่า เสียดายไม่รู้ว่าหอพระสมุดฯ จะไห้ราคาถึงเท่านั้น เคยเอาไปบอกขายนายกุหลาบเล่มหนึ่ง นายกุหลาบว่า จะไห้ 20 บาท ครั้นเอาหนังสือไปไห้ ได้เงินแต่ 2 บาท นอกจากนั้นทวงเท่าไดก็ไม่ได้ ที่ว่านี้คือกดหมายเล่มที่นายกุหลาบเอาไปแก้สักราชนั่นเอง ก็ได้ไปจากวังกรมหลวงบดินทฯ เหมือนกัน เมื่อขายกดหมายแล้ว ผู้ขายบอกว่า หนังสือซึ่งมีขายหมดเพียงเท่านั้น ก็เห็นจะเปนความจิง เพราะคนขายได้เงินมาก และหอพระสมุดฯ ก็มิได้ทำไห้หวาดหวั่นหย่างได ถ้ายังมีหนังสือคงเอามาขายอีก จึงเห็นพอจะอ้างได้ว่า เก็บหนังสือหอหลวงซึ่งยังตกค้างหยู่ไนแหล่งกรมหลวงบดินทฯ กลับมาได้สิ้นเชิงเมื่อฉันซื้อหนังสือเข้าหอพระสมุดสำหรับพระนคร แต่ตัวฉันยังมีกิจเกี่ยวข้องกับหนังสือหอหลวงซึ่งพลัดพรายไปหยู่ที่อื่นต่อมาอีก ด้วยเมื่อ พ.ส. 2472 ฉันไปยุโรปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไปถึงกรุงลอนดอน ฉันนึกขึ้นได้ว่า เปนโอกาสที่จะตรวดดูไห้รู้ว่า อังกริดได้หนังสือฉบับเขียนไป<noinclude></noinclude> jp47ufqqgi5ffc6cmko2xe2fyfcvp27 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/143 250 55490 188469 176411 2022-07-31T11:53:00Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|128}}</noinclude>จากเมืองไทยสักเท่าได ฉันจึงไปบอกที่หอสมุดของรัถบาล British Museum Library ว่า ฉันหยากจะเห็นหนังสือไทยฉบับเขียนที่มีหยู่ไนหอสมุดนั้น ถ้าหากว่าเขายังไม่ได้ทำบันชี จะไห้ฉันช่วยบอกเรื่องไห้ลงบันชีด้วยก็ได้ ฉันหมายว่า ถ้าพบเรื่องที่ไม่มีฉบับหยู่ไนเมืองไทย ก็จะขอคัดสำเนาด้วยรูปฉายเอากลับมา ฝ่ายอังกริดเขาเคยได้ยินชื่อว่า ฉันเปนนายกหอพระสมุดฯ ก็ยินดีที่ฉันจะบอกไห้หย่างนั้น ครั้นถึงวันนัด เขาขนหนังสือไทยบันดามีมารวมไว้ไนห้องหนึ่ง และไห้พนักงานทำบันชีมาคอยรับ ฉันไปนั่งตรวดและบอกเรื่องแปลเปนภาสาอังกริดไห้เขาลงบันชีทุกเล่ม ต้องไปนั่งหยู่ 2 วันจึงตรวดหมด ด้วยไนหอสมุดนั้นมีหนังสือไทยมากกว่าที่อื่น แต่เห็นล้วนเปนเรื่องที่มีไนหอพระสมุดฯ ทั้งนั้น ก็ไม่ต้องขอคัดสำเนา เมื่อฉันไปถึงกรุงเบอร์ลิน ไห้ไปบอกหย่างเช่นที่กรุงลอนดอน รัถบาลเยอรมันก็ไห้ฉันตรวดหนังสือด้วยความยินดีหย่างเดียวกัน หนังสือไทยที่ไนหอสมุดกรุงเบอร์ลินมีน้อยกว่าหอสมุดกรุงลอนดอน แต่เปนหนังสือฉบับหลวงซึ่งได้ไปจากหอหลวงไนกรุงเทพฯ โดยมาก เขาเชิดชูหนังสือไตรภูมิฉบับหลวงครั้งกรุงธนบุรีซึ่งซื้อราคาถึง 1,000 บาทนั้นเหมือนหย่างว่าเปนนายโรง แต่ประหลาดหยู่ที่หนังสือไตรภูมินั้นมี 2 ฉบับ ส้างก็ครั้งกรุงธนบุรีด้วยกัน และเหมือนกันทั้งตัวอักสรและรูปภาพ ขนาดสมุดก็เท่ากัน ฉบับหนึ่งคุนท้าววรจันท (เจ้าจอมมารดาวาด รัชกาลที่ 4) ได้มาจากไหนไม่ปรากต แต่ทูนเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็ดพระจุลจอม<noinclude></noinclude> kb7mt29z0kjl3pi23m7hlng5zwxcyat 188470 188469 2022-07-31T11:53:11Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|128}}</noinclude>จากเมืองไทยสักเท่าได ฉันจึงไปบอกที่หอสมุดของรัถบาล British Museum Library ว่า ฉันหยากจะเห็นหนังสือไทยฉบับเขียนที่มีหยู่ไนหอสมุดนั้น ถ้าหากว่าเขายังไม่ได้ทำบันชี จะไห้ฉันช่วยบอกเรื่องไห้ลงบันชีด้วยก็ได้ ฉันหมายว่า ถ้าพบเรื่องที่ไม่มีฉบับหยู่ไนเมืองไทย ก็จะขอคัดสำเนาด้วยรูปฉายเอากลับมา ฝ่ายอังกริดเขาเคยได้ยินชื่อว่า ฉันเปนนายกหอพระสมุดฯ ก็ยินดีที่ฉันจะบอกไห้หย่างนั้น ครั้นถึงวันนัด เขาขนหนังสือไทยบันดามีมารวมไว้ไนห้องหนึ่ง และไห้พนักงานทำบันชีมาคอยรับ ฉันไปนั่งตรวดและบอกเรื่องแปลเปนภาสาอังกริดไห้เขาลงบันชีทุกเล่ม ต้องไปนั่งหยู่ 2 วันจึงตรวดหมด ด้วยไนหอสมุดนั้นมีหนังสือไทยมากกว่าที่อื่น แต่เห็นล้วนเปนเรื่องที่มีไนหอพระสมุดฯ ทั้งนั้น ก็ไม่ต้องขอคัดสำเนา เมื่อฉันไปถึงกรุงเบอร์ลิน ไห้ไปบอกหย่างเช่นที่กรุงลอนดอน รัถบาลเยอรมันก็ไห้ฉันตรวดหนังสือด้วยความยินดีหย่างเดียวกัน หนังสือไทยที่ไนหอสมุดกรุงเบอร์ลินมีน้อยกว่าหอสมุดกรุงลอนดอน แต่เปนหนังสือฉบับหลวงซึ่งได้ไปจากหอหลวงไนกรุงเทพฯ โดยมาก เขาเชิดชูหนังสือไตรภูมิฉบับหลวงครั้งกรุงธนบุรีซึ่งซื้อราคาถึง 1,000 บาทนั้นเหมือนหย่างว่าเปนนายโรง แต่ประหลาดหยู่ที่หนังสือไตรภูมินั้นมี 2 ฉบับ ส้างก็ครั้งกรุงธนบุรีด้วยกัน และเหมือนกันทั้งตัวอักสรและรูปภาพ ขนาดสมุดก็เท่ากัน ฉบับหนึ่งคุนท้าววรจันท (เจ้าจอมมารดาวาด รัชกาลที่ 4) ได้มาจากไหนไม่ปรากต แต่ทูนเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็ดพระจุลจอม<noinclude></noinclude> brx28hg9hgaviulmyiecm25fsxo760i หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/144 250 55491 188466 176412 2022-07-31T11:48:16Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|129}}</noinclude>เกล้าเจ้าหยู่หัวเมื่อตั้งหอพุทธสาสนสังคหะ แล้วโอนมาเปนของหอพระสมุดสำหรับพระนคร จึงไส่ตู้กะจกไว้ไห้คนชมหยู่ไนหอพระสมุดวชิรญาน เพราะฉะนั้น ถึงเยอรมันเอาไปเสียฉบับหนึ่งก็หาสูญสิ้นจากเมืองไทยไม่ แม้เรื่องอื่น ๆ ที่เยอรมันได้ไป เรื่องก็ยังมีหยู่ไนเมืองไทยทั้งนั้น จึงไม่ต้องขอคัดสำเนา นึกเสียดายที่ไม่ได้ตรวดไนหอสมุดของฝรั่งเสสไนครั้งนั้นด้วย เพราะเมื่อไปถึงกรุงปารีส ฉันยังไม่ได้คิดขึ้นถึงเรื่องตรวดหนังสือไทย จึงผ่านไปเสียแต่แรกแล้วก็ไม่มีโอกาสอีก {{ก|(9)|บ=font-size:120%}} เมื่อฉันออกจากตำแหน่งนายกราชบันดิตยสภาพ้นจากราชการทั้งปวงแล้ว ออกไปสำราญอิริยาบถตามประสาคนแก่ชราหยู่ที่เมืองปีนัง เพราะว่าทางกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงระเบียบการราชบันดิตยสภาหลายหย่าง เปนต้นว่า ตั้ง "ราชบันดิตยสภา" เปนคนะผู้รู้แยกออกจากกรมการต่าง ๆ ซึ่งเคยหยู่ไนราชบันดิตยสภามาก่อน ส่วนกรมการต่าง ๆ นั้น แผนกหอพระสมุดสำหรับพระนครคงเปนแผนกหยู่หย่างเดิม เรียกว่า "หอพระสมุดแห่งชาติ" แผนกพิพิธภันทสถานก็คงหยู่หย่างเดิม เรียกว่า "พิพิธภันทสถานแห่งชาติ" แผนกศิลปากรก็คงหยู่หย่างเดิม เอากรมมหรสพเพิ่มเข้าอีกแผนกหนึ่ง เรียกทั้งสี่แผนกรวมกันว่า "กรมศิลปากร" มีอธิบดีเปนผู้บังคับการทั่วไป จะว่าแต่ฉเพาะที่เนื่อง<noinclude>{{ข|17|4em}}</noinclude> 0b3gwba7xegvwamcthxqyuosi9xf3ky 188467 188466 2022-07-31T11:49:53Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|129}}</noinclude>เกล้าเจ้าหยู่หัวเมื่อตั้งหอพุทธสาสนสังคหะ แล้วโอนมาเปนของหอพระสมุดสำหรับพระนคร จึงไส่ตู้กะจกไว้ไห้คนชมหยู่ไนหอพระสมุดวชิรญาน เพราะฉะนั้น ถึงเยอรมันเอาไปเสียฉบับหนึ่งก็หาสูญสิ้นจากเมืองไทยไม่ แม้เรื่องอื่น ๆ ที่เยอรมันได้ไป เรื่องก็ยังมีหยู่ไนเมืองไทยทั้งนั้น จึงไม่ต้องขอคัดสำเนา นึกเสียดายที่ไม่ได้ตรวดไนหอสมุดของฝรั่งเสสไนครั้งนั้นด้วย เพราะเมื่อไปถึงกรุงปารีส ฉันยังไม่ได้คิดขึ้นถึงเรื่องตรวดหนังสือไทย จึงผ่านไปเสียแต่แรกแล้วก็ไม่มีโอกาสอีก {{ก|(9)|บ=font-size:120%}} เมื่อฉันออกจากตำแหน่งนายกราชบันดิตสภาพ้นจากราชการทั้งปวงแล้ว ออกไปสำราญอิริยาบถตามประสาคนแก่ชราหยู่ที่เมืองปีนัง เพราะว่า ทางกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงระเบียบการราชบันดิตสภาหลายหย่าง เปนต้นว่า ตั้ง "ราชบันดิตสถาน" เปนคนะผู้รู้แยกออกจากกรมการต่าง ๆ ซึ่งเคยหยู่ไนราชบันดิตสภามาแต่ก่อน ส่วนกรมการต่าง ๆ นั้น แผนกหอพระสมุดสำหรับพระนครคงเปนแผนกหยู่หย่างเดิม เรียกว่า "หอสมุดแห่งชาติ" แผนกพิพิธภันท์สถานก็คงหยู่หย่างเดิม เรียกว่า "พิพิธภันท์สถานแห่งชาติ" แผนกสิลปากรก็คงหยู่หย่างเดิม เอากรมมหรสพเพิ่มเข้าอีกแผนกหนึ่ง เรียกทั้ง 4 แผนกรวมกันว่า "กรมสิลปากร" มีอธิบดีเปนผู้บังคับการทั่วไป จะว่าแต่ฉเพาะที่เนื่อง<noinclude>{{ข|17|4em}}</noinclude> 42mionu21qu0els2gqxwxr05xueq632 188468 188467 2022-07-31T11:50:08Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|129}}</noinclude>เกล้าเจ้าหยู่หัวเมื่อตั้งหอพุทธสาสนสังคหะ แล้วโอนมาเปนของหอพระสมุดสำหรับพระนคร จึงไส่ตู้กะจกไว้ไห้คนชมหยู่ไนหอพระสมุดวชิรญาน เพราะฉะนั้น ถึงเยอรมันเอาไปเสียฉบับหนึ่งก็หาสูญสิ้นจากเมืองไทยไม่ แม้เรื่องอื่น ๆ ที่เยอรมันได้ไป เรื่องก็ยังมีหยู่ไนเมืองไทยทั้งนั้น จึงไม่ต้องขอคัดสำเนา นึกเสียดายที่ไม่ได้ตรวดไนหอสมุดของฝรั่งเสสไนครั้งนั้นด้วย เพราะเมื่อไปถึงกรุงปารีส ฉันยังไม่ได้คิดขึ้นถึงเรื่องตรวดหนังสือไทย จึงผ่านไปเสียแต่แรกแล้วก็ไม่มีโอกาสอีก {{ก|(9)|บ=font-size:120%}} เมื่อฉันออกจากตำแหน่งนายกราชบันดิตสภาพ้นจากราชการทั้งปวงแล้ว ออกไปสำราญอิริยาบถตามประสาคนแก่ชราหยู่ที่เมืองปีนัง เพราะว่า ทางกรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงระเบียบการราชบันดิตสภาหลายหย่าง เปนต้นว่า ตั้ง "ราชบันดิตสถาน" เปนคนะผู้รู้แยกออกจากกรมการต่าง ๆ ซึ่งเคยหยู่ไนราชบันดิตสภามาแต่ก่อน ส่วนกรมการต่าง ๆ นั้น แผนกหอพระสมุดสำหรับพระนครคงเปนแผนกหยู่หย่างเดิม เรียกว่า "หอสมุดแห่งชาติ" แผนกพิพิธภันท์สถานก็คงหยู่หย่างเดิม เรียกว่า "พิพิธภันท์สถานแห่งชาติ" แผนกสิลปากรก็คงหยู่หย่างเดิม เอากรมมหรสพเพิ่มเข้าอีกแผนกหนึ่ง เรียกทั้ง 4 แผนกรวมกันว่า "กรมสิลปากร" มีอธิบดีเปนผู้บังคับการทั่วไป จะว่าแต่ฉเพาะที่เนื่อง<noinclude>{{ข|17|4em}}</noinclude> 8hnv0wtrcdsytolrllpu7avks5miie9 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/145 250 55492 188464 176413 2022-07-31T11:46:36Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" />{{ก|130}}</noinclude>ด้วยหนังสือหอหลวง ซาบว่า หอสมุดแห่งชาติซื้อมรดกหม่อมเจ้าปิยภักดีนาถ ได้หนังสือหอหลวงซึ่งไปตกหยู่ที่หม่อมเจ้าปิยภักดีนาถมาเข้าหอพระสมุดแห่งชาติหมด และต่อมา รัถบาลไห้โอนหนังสือหลวงบันดาที่หยู่ไนกรมราชเลขาธิการ (คือ ที่กรมอาลักสน์รักสาแต่เดิม) ส่งไว้ไนหอสมุดแห่งชาติทั้งหมด เปนสมุดฉบับเขียนหลายพันเล่ม เดี๋ยวนี้อาดจะอ้างได้ว่า หนังสือหอหลวงซึ่งกะจัดพลัดพรายแยกย้ายกันหยู่ตามที่ต่าง ๆ มากกว่า 50 ปี กลับคืนมาหยู่ไนที่อันเดียวกันแล้ว ถึงต้นฉบับจะสูญไปเสียบ้าง เช่น ถูกฝรั่งซื้อเอาไปไว้เสียต่างประเทส ฉันได้ไปตรวดก็ปรากตว่า เรื่องของหนังสืออันเปนตัววิทยสมบัติของบ้านเมืองมิได้สูญไปด้วย ที่จะหายสูญทั้งต้นฉบับและตัวเรื่องเห็นจะน้อย เพราะฉะนั้น ถึงตัวฉันจะพ้นกิจธุระมาหยู่พายนอกแล้ว ก็มีความยินดีด้วยเปนอันมาก. {{สกอ|sp|100}}<noinclude></noinclude> 12rbvixcdnv7wojh4vcfvgsf601uav1 188465 188464 2022-07-31T11:46:46Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|130}}</noinclude>ด้วยหนังสือหอหลวง ซาบว่า หอสมุดแห่งชาติซื้อมรดกหม่อมเจ้าปิยภักดีนาถ ได้หนังสือหอหลวงซึ่งไปตกหยู่ที่หม่อมเจ้าปิยภักดีนาถมาเข้าหอพระสมุดแห่งชาติหมด และต่อมา รัถบาลไห้โอนหนังสือหลวงบันดาที่หยู่ไนกรมราชเลขาธิการ (คือ ที่กรมอาลักสน์รักสาแต่เดิม) ส่งไว้ไนหอสมุดแห่งชาติทั้งหมด เปนสมุดฉบับเขียนหลายพันเล่ม เดี๋ยวนี้อาดจะอ้างได้ว่า หนังสือหอหลวงซึ่งกะจัดพลัดพรายแยกย้ายกันหยู่ตามที่ต่าง ๆ มากกว่า 50 ปี กลับคืนมาหยู่ไนที่อันเดียวกันแล้ว ถึงต้นฉบับจะสูญไปเสียบ้าง เช่น ถูกฝรั่งซื้อเอาไปไว้เสียต่างประเทส ฉันได้ไปตรวดก็ปรากตว่า เรื่องของหนังสืออันเปนตัววิทยสมบัติของบ้านเมืองมิได้สูญไปด้วย ที่จะหายสูญทั้งต้นฉบับและตัวเรื่องเห็นจะน้อย เพราะฉะนั้น ถึงตัวฉันจะพ้นกิจธุระมาหยู่พายนอกแล้ว ก็มีความยินดีด้วยเปนอันมาก. {{สกอ|sp|100}}<noinclude></noinclude> bzb45r1vmpy8w6d7z2q0gzpkba8486x หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/173 250 55502 188333 176451 2022-07-31T02:49:16Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Praesideo" /></noinclude>{{ลห|110|{{ขนอ|140%|นิทานที่ 11}}<br>{{ขนอ|120%|เรื่อง โจรแปลกประหลาด}}}} {{สต|7em}} จะเล่าถึงเรื่องโจรแปลกประหลาดที่ฉันได้เคยรู้จักสองคน ชื่อว่า โจรทิม ชาวเมืองอินท์บุรีคนหนึ่ง โจรจันท์ ชาวเมืองปทุมธานีคนหนึ่ง จะเล่าเรื่องของโจรทิมก่อน {{ลห|111|เรื่องโจรทิม|120}} เมื่อ พ.ส. 2433 ฉันยังเปนตำแหน่งอธิบดีกะซวงธัมการซึ่งกำหนดว่าจะยกขึ้นเปนกะซวงเสนาบดี จึงซงพระกรุนาโปรดไห้ฉันนั่งไนที่ประชุมเสนาบดี แต่ไนเวลานั้น ค่ำวันหนึ่ง พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวสเด็ดลงประทับที่ประชุมเสนาบดี นะ มุขกะสันพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามเคย แต่คืนวันนั้นมีราชการน้อย พอปรึกสาสิ้นระเบียบวาระแล้ว สมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวงตรัดว่า ได้ซงรับดีกานักโทสไนคุกทูนเกล้าฯ ถวายทางไปรสนีย์ฉบับหนึ่งหยู่ข้างแปลกประหลาด โปรดไห้อ่านไห้เสนาบดีฟัง เปนดีกาของอ้ายทิม นักโทสชาวเมืองอินท์บุรี ต้องจำคุกด้วยเปนโจรปล้นทรัพย์ ความที่กราบบังคมทูนไนดีกาว่า ตั้งแต่อ้ายทิมต้องจำคุก พัสดีจ่ายไห้ไปทำการไนกองจักสาน ได้ฝึกหัดจักสานมาจนชำนาญ จึงคิดว่าจะพยายามไนกะบวนจักสานไม่ไห้ฝีมือไครสู้ได้หมดทั้งคุก แล้วจะทำของสิ่งไดสิ่งหนึ่งทูนเกล้าฯ ถวายไห้ซงเห็นฝีมือ{{วว}}<noinclude></noinclude> 0lv0dmjkhxwe7uv8w63ujtnnollhd7s 188334 188333 2022-07-31T02:50:53Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>{{ลห|110|{{ขนอ|140%|นิทานที่ 11}}<br>{{ขนอ|120%|เรื่อง โจรแปลกประหลาด}}}} {{สต|7em}} จะเล่าถึงเรื่องโจรแปลกประหลาดที่ฉันได้เคยรู้จัก 2 คน ชื่อว่า โจรทิม ชาวเมืองอินทบุรีคนหนึ่ง โจรจันท์ ชาวเมืองปทุมธานีคนหนึ่ง จะเล่าเรื่องของโจรทิมก่อน {{ลห|111|เรื่องโจรทิม|120}} เมื่อ พ.ส. 2433 ฉันยังเปนตำแหน่งอธิบดีกะซวงธัมการซึ่งกำหนดว่า จะยกขึ้นเปนกะซวงเสนาบดี จึงซงพระกรุนาโปรดไห้ฉันนั่งไนที่ประชุมเสนาบดีแต่ไนเวลานั้น ค่ำวันหนึ่ง พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวสเด็ดลงประทับที่ประชุมเสนาบดีนะมุขกะสันพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามเคย แต่คืนวันนั้นมีราชการน้อย พอปรึกสาสิ้นระเบียบวาระแล้ว สมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวงตรัดว่า ได้ซงรับดีกานักโทสไนคุกทูนเกล้าฯ ถวายทางไปรสนีย์ฉบับหนึ่งหยู่ข้างแปลกประหลาด โปรดไห้อ่านไห้เสนาบดีฟัง เปนดีกาของอ้ายทิม นักโทสชาวเมืองอินทบุรี ต้องจำคุกด้วยเปนโจรปล้นทรัพย์ ความที่กราบบังคมทูนไนดีกาว่า ตั้งแต่อ้ายทิมต้องจำคุก พัสดีจ่ายไห้ไปทำการไนกองจักสาน ได้ฝึกหัดจักสานมาจนชำนาญ จึงคิดว่า จะพยายามไนกะบวนจักสานไม่ไห้ฝีมือไครสู้ได้หมดทั้งคุก แล้วจะทำของสิ่งไดสิ่งหนึ่งทูนเกล้าฯ ถวายไห้ซงเห็นฝีมือ{{วว}}<noinclude></noinclude> s59tfx2lodmbqs8nfktweqw0vd0wa6x หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/174 250 55503 188335 176452 2022-07-31T02:53:25Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|159}}</noinclude>ถ้าและโปรดของสิ่งนั้น จะขอพระราชทานโทสไห้พ้นเวรจำออกบวดเปนพระภิกสุจำสีลภาวนาต่อไปไม่ประพรึติชั่วร้ายเหมือนหนหลังจนตลอดชีวิต บัดนี้ อ้ายทิมต้องจำคุกมา 10 ปี ได้พยายามทำสิ่งของนั้นสำเหร็ดดังตั้งไจแล้ว ขอพระราชทานทูนเกล้าฯ ถวาย ถ้าโปรดฝีมือที่ทำนั้น อ้ายทิมขอพระราชทานโทสสักครั้งหนึ่ง ไนท้ายดีกาอ้างว่า ถ้าความที่กราบทูนเปนความเท็ดแต่ข้อไดข้อหนึ่ง ขอรับพระราชอาญาถึงประหารชีวิต ตรงนี้จะต้องแซกอธิบายสักหน่อย ด้วยไนสมัยนั้นยังไม่ได้ตั้งประมวนกดหมาย ยังไช้ประเพนีเดิมซึ่งจำคุกโจรผู้ร้ายไม่มีกำหนดเวลาว่า จะต้องจำหยู่นานเท่าได จะพ้นจากเวรจำได้แต่ด้วยพระเจ้าแผ่นดินซงพระกรุนาโปรดยกโทสพระราชทาน นักโทสไนคุกจึงต้องถวายดีกาขอพระราชทานโทส ชั้นเดิมมักไห้ญาติพี่น้องถวายดีกาแทนตัว ครั้นมีการไปรสนีย์เกิดขึ้น ก็ถวายดีกาทางไปรสนีย์ จำนวนดีกาคนคุกขอพระราชทานโทสจึงมีมาก แต่พระเจ้าหยู่หัวซงตั้งกำหนดเวลาไว้ตามพระราชนิยมว่า คนโทสหย่างไดต้องติดเวรจำมาได้เท่าไดแล้ว หรือว่า ได้ทำความชอบพิเสสหย่างได จึงซงพิจารนา ถ้าถวายดีกาไม่เข้าไนเกนท์ ก็ยกดีกาเสีย ดีกาของอ้ายทิมเข้าไนเกนท์ที่จะได้รับพระราชวินิจฉัย เพราะต้องจำคุกมาถึง 10 ปีแล้ว เมื่ออ่านดีกาอ้ายทิมไนที่ประชุมแล้ว ดำหรัดสั่งกรมพระนเรสวรริทธิ์ เมื่อยังดำรงพระยสเปนกรมหมื่น และเปนผู้บันชาการกะซวงนคร<noinclude></noinclude> itfzhjizaikmm3j8nj8diqmxrv5qshd หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/175 250 55504 188336 176453 2022-07-31T02:56:12Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|160}}</noinclude>บาลหยู่ไนเวลานั้น ไห้ไปสอบสวนดูว่า คำที่อ้ายทิมนักโทสอ้างไนดีกามีจิงเพียงไร ถึงคราวประชุมหน้า กรมพระนเรสฯ นำกาถังน้ำร้อนที่อ้ายทิมได้สานไว้ไบหนึ่งเข้าไปถวาย และกราบทูนว่า คำที่อ้ายทิมอ้างนั้น สอบสวนได้ความจิงทุกข้อ พระเจ้าหยู่หัวทอดพระเนตรกาถัง เห็นเปนฝีมือหย่างประนีตดีจิง มีพระราชดำหรัดว่า "มันพูดจิง ฉันก็จะไห้มันเห็นผลความจิง" จึงซงพระกรุนาโปรดยกโทสพระราชทานอ้ายทิม แล้วดำหรัดสั่งกรมพระนเรสฯ ไห้ส่งตัวไปไห้ฉันผู้เปนอธิบดีกะซวงธัมการจัดการบวดอ้ายทิมเปนนาคของหลวงบวดพระราชทาน สมัยนั้น นักโทสยังต้องจองจำหยู่ไนคุกเดิมที่หน้าคุกพระเชตุพนฯ เมื่อกรมนครบาลคุมตัวโจรทิมไปส่ง ฉันแลเห็นดูผิดมนุสจนน่าสังเวช ด้วยผมยาวรุงรังไปทั้งหัว เนื้อตัวก็ขมุกขมอมหย่างว่า "ขี้ไคลท่วมหัว" มีแต่ผ้าขาดนุ่งติดตัวไป แต่สังเกตดูกิริยาอัชชาสัยเรียบร้อย รุ่นราวเปนกลางคน อายุสัก 40 ปีเสส ฉันรับตัวไว้แล้วต้องเริ่มด้วยไห้อาบน้ำถูขี้ไคลตัดผม แล้วไห้เครื่องนุ่งห่มไหม่ และจัดไห้หยู่ไนบ้านฉันจนกว่าจะบวด แต่แรก คนไนบ้านออกจะพากันกลัวด้วยได้ยินว่าเปนโจร ต่อเมื่อรู้เรื่องที่โจรทิมทูนขอโทส จึงพากันสงสารสิ้นรังเกียดช่วยอุปการะเลี้ยงดูด้วยเมตตาจิตทั่วทั้งบ้าน ส่วนการที่จะบวดนั้น ฉันปรึกสากับเจ้าพระยาวิชิตวงส์วุทธิไกร (ม.ร.ว.คลี่ สุทัสน์) เวลานั้นยังเปนที่พระยาวุทธิการบดี ปลัดทูนฉลองกะซวงธัมการ เห็นว่า ควนไห้บวดหยู่วัดพระเชตุพนฯ ไห้ไปบอกพระราชาคนะเจ้าอาวาสก็ยินดีจะรับพระทิมไว้<noinclude></noinclude> hnou9u6i83uxwyls16ib9hwermrkz7g หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/176 250 55505 188337 176454 2022-07-31T02:58:56Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|161}}</noinclude>ไนวัดนั้น ฉันไห้ไปเบิกผ้าไตรกับเครื่องบริขารของหลวงมาแล้ว ถึงวันกำหนด จึงไห้นายทิมแต่งตัวนุ่งผ้ายกสวมเสื้อครุยตามแบบนาคหลวง แล้วพาตัวขึ้นรถไปยังวัดพระเชตุพนฯ ด้วยกันกับเจ้าพระยาวิชิตวงส์ฯ มีพวกข้าราชการไนกะซวงธัมการและกะซวงนครบาลกับทั้งพวกที่บ้านของฉันพากันไปช่วย ข้างฝ่ายพระสงค์ พระราชาคนะกับพระถานานุกรมคนะปรกก็พร้อมเพรียงกันทำพิธีอุปสมบทที่ไนพระอุโบสถ ดูครึกครื้นสมกับที่เปนนาคหลวง เมื่อบวดเส็ดแล้ว พระทิมหยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ 2 พรรสา ไนระหว่างนั้น ตัวฉันย้ายไปเปนเสนาบดีกะซวงมหาดไทยเมื่อ พ.ส. 2435 ไนปีนั้นเอง วันหนึ่ง พระทิมมาหาบอกว่า เมื่อจำพรรสาที่ 2 หยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ เกิดอาพาธเปนโรคเหน็บชา Beri-beri รักสาตัวมาพอค่อยคลายขึ้นบ้าง แต่ยังอ่อนเพลีย เทออยากจะขึ้นไปหยู่วัดที่เมืองอินทบุรี ด้วยมีญาติโยมหยู่ไนเมืองนั้น เจ็บไข้พอจะได้อาสัยความอุปการะของเขา ถามว่า ฉันจะรังเกียดหรือไม่ ฉันตอบว่า ตัวเทอนั้นพระเจ้าหยู่หัวได้พระราชทานโทสโปรดบวดไห้เปนโสดแก่ตัวแล้ว จะไปไหนหรือหยู่ที่ไหนก็ได้ตามชอบไจ แต่ที่เทอมาปรึกสาฉันก่อนนั้นก็ดีหยู่ ฉันจะมีท้องตราไปฝากไห้เจ้าเมืองกรมการเขาช่วยอุปการะด้วย แต่เมื่อขึ้นไปหยู่เมืองอินท์ ถ้าเทอจะย้ายไปหยู่ที่ไหนต่อไป ไห้บอกเจ้าเมืองกรมการไห้เขารู้เสียก่อนจึงจะดี เทอรับคำ ฉันก็ไห้ทำท้องตราไห้เทอถือขึ้นไปยังเมืองอินท์ แต่นั้น พระทิมก็เงียบหายไปกว่าปี {{มปก}}<noinclude>{{ข|21|4em}}</noinclude> d901d510q00ad3a69r5c480447mvuun หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/177 250 55506 188338 176455 2022-07-31T03:01:19Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|162}}</noinclude>ครั้นถึง ร.ส. 112 (พ.ส. 2436) ไนเวลากำลังไทยวิวาทกันกับฝรั่งเสส วันหนึ่ง ฉันลงมาจากบนเรือน เห็นพระทิมมานั่งคอยหยู่ที่ท้องพระโรง ฉันถามเทอว่า มีกิจธุระอะไรหรือ พระทิมตอบว่า "อาตมภาพหยู่ที่เมืองอินท์ ได้ยินว่า มีสึกฝรั่งเสสมาติดเมือง อาตมภาพคิดถึงพระเดชพระคุนของพระเจ้าหยู่หัวซึ่งได้ซงพระกรุนาแก่อาตมภาพมาแต่ก่อน เมื่ออาตมภาพยังเปนหนุ่ม ได้เคยเรียนคาถาอาคมสำหรับต่อสู้สัตรูหยู่บ้าง จึงลงมาเฝ้า หมายจะถวายพระพรลาสึกไปอาสารบฝรั่งเสสสนองพระเดชพระคุนพระเจ้าหยู่หัว เมื่อเส็ดการรบพุ่งแล้ว ถ้ารอดชีวิตหยู่ ก็จะกลับบวดอีกหย่างเดิม" ฉันได้ฟัง นึกรักไจพระทิม จึงตอบว่า ฉันจะต้องไปกราบทูนก่อน เพราะเมื่อเทอบวด เปนนาคหลวงของพระเจ้าหยู่หัว ไห้เทอพักรอฟังหยู่ที่บ้าน ฉันไปกราบทูนสมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวง ก็ชอบพระราชหรึทัย ออกพระโอถว่า "มนุสเรานี้ ถึงตกต่ำจนเปนโจรผู้ร้ายแล้ว ถ้ากลับไจได้จิง ๆ ก็ยังเปนคนดีได้" โปรดไห้ฉันเชินกะแสรับสั่งไปบอกพระทิมว่า ซึ่งมีความกตัญญูคิดจะสนองพระเดชพระคุนนั้น ซงขอบไจนัก แต่การรบพุ่งไช้แต่คนฉกันที่ยังมีกำลังมาก พระทิมอายุมากเกินขนาดเสียแล้ว ไห้บวดเอาบุญต่อไปเถิด เทอได้ฟังกะแสรับสั่งหย่างนั้นก็ลากลับไป แต่นั้นมา ฉันจะได้พบกับพระทิมอีกบ้างหรือหย่างไรจำไม่ได้ แต่ไม่มีกิจเกี่ยวข้องต้องคิดถึงพระทิมมาหลายปี จนถึงครั้งหนึ่ง จะเปนเมื่อปีไดจำไม่ได้ ฉันได้รับไบบอกมาจาก<noinclude></noinclude> k9t61ptyg26f659kh8klu73utaokx9l หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/178 250 55507 188339 176456 2022-07-31T03:04:58Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|163}}</noinclude>เมืองอินทบุรีว่า พระทิมอาพาธถึงมรนะภาพ เขาเห็นว่า เทอเปนพระที่พระเจ้าหยู่หัวโปรดบวดพระราชทาน และฉันได้สั่งไห้อุปการะ จึงปรึกสากับพวกญาติไห้รอการปลงสพพระทิมไว้ บอกมาไห้ฉันซาบก่อน ฉันเห็นว่า พระเจ้าหยู่หัวเคยซงพระกรุนาแก่พระทิมมาแต่ก่อน จึงนำความขึ้นกราบทูนว่า พระทิมถึงมรนะภาพเสียแล้ว มีพระราชดำหรัดว่า พระทิมเปนคนซื่อสัจ ถึงไม่ซงรู้จักตัว ก็ได้ซงอุปการะมาแต่ก่อน โปรดไห้ฉันเบิกสิลาหน้าเพลิงกับผ้าสำหรับชักบังสุกุลเปนของหลวงส่งไปพระราชทานเพลิงสพพระทิม เพราะฉะนั้น งานสพพระทิมก็กลายเปนหย่างสพกรมการที่ได้พระราชทานสัญญาบัตร ด้วยมีข้าหลวงพระราชทานเพลิงและมีกรมการไปช่วยงานเปนเกียรติยส สิ้นเรื่องประวัติพระโจรทิมเพียงเท่านี้ พิเคราะห์ดูสมกับคำสุภาสิตโบรานซึ่งว่า "ไม้ต้นคดปลายตรงยังดัดเอาดีได้ ถ้าปลายคดถึงต้นจะตรงก็ไช้ไม่ได้" จึงเขียนเรื่องรักสาไว้มิไห้สูญเสีย {{ลห|112|เรื่องโจรจันท์|120}} เมื่อ พ.ส. 2446 มีโจรพวกหนึ่งสมคบกันเที่ยวปล้นไนแขวงจังหวัดปทุมธานี จังหวัดอยุธยา และจังหวัดสุพรรนบุรีเนือง ๆ ถึงเดือนกรกดาคม โจรพวกนั้นปล้นไล่ฝูงกะบือไนแขวงจังหวัดปทุมธานี แล้วไปปล้นที่บ้านชีปะขาวไนแขวงจังหวัดสุพรรนบุรีอีกแห่งหนึ่งติด ๆ กัน เวลานั้น เจ้าพระยาสรีวิชัยชนินทร์ (ชม สุนทรารชุน) ยังเปนพระยา<noinclude></noinclude> iuhzs34z2080ohb012iq398wudqg7na หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/179 250 55508 188340 176457 2022-07-31T03:14:10Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|164}}</noinclude>สุนทรบุรีฯ สมุหเทสาภิบาลมนทลนครชัยสรี เปนผู้เข้มแข็งขึ้นชื่อไนการปราบโจรผู้ร้าย สามารถจับโจรพวกนั้นที่เปนชาวเมืองสุพรรนได้หลายคน ไห้การรับเปนสัจซัดพวกเพื่อน จึงไห้จับโจรที่เปนชาวเมืองอื่นเอาไปรวมกันชำระที่เมืองนครปถม ไนเวลากำลังชำระโจรพวกนั้น วันหนึ่ง ฉันออกไปเมืองนครปถมเพื่อจะผ่อนพักไนเวลาราชการเบาบางตามเคย เห็นตำหรวดภูธรคุมนักโทสคนหนึ่งขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อยไปพร้อมกับฉัน แล้วไปลงที่สถานีพระปถมเจดีย์ ฉันถามได้ความว่า เปนพวกโจรรายที่กำลังชำระคนหนึ่งซึ่งจับตัวไปจากเมืองปทุมธานี ค่ำวันนั้น เจ้าพระยาสรีวิชัยฯ มากินอาหารด้วยกันกับฉันตามเคย แต่พอกินแล้วท่านขอลาว่า จะต้องไปชำระผู้ร้าย ฉันถามว่า เหตุไฉนจึงต้องไปชำระเอง ท่านบอกว่า โจรคนที่ได้ตัวมาไหม่ไนวันนั้นเปนตัวสำคันนัก ที่เมืองปทุมธานีเรียกกันว่า "จันท์เจ้า" เปนหัวหน้าของผู้ร้ายพวกนั้นทั้งหมด ถ้าไห้คนอื่นชำระ เกรงจะไม่ได้ความจิง ถึงคืนต่อมา เมื่อกินอาหารด้วยกัน ฉันถามว่า ชำระผู้ร้ายได้ความหย่างไร ท่านตอบแต่ว่า "ยังถวายรายงานไม่ได้" จนถึงคืนที่ 4 เวลาเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ มากินอาหาร ดูยิ้มแย้มแจ่มไส ฉันถามถึงการชำระผู้ร้าย ท่านบอกว่า โจรจันท์เจ้ารับเปนสัจแล้ว แต่ก่อนมา ฉันยังไม่เคยรู้จักตัวหัวหน้านายโจร หรือที่เรียกกันตามคำโบรานว่า "มหาโจร" นึกหยากรู้จักโจรจันท์เจ้า จึงบอกเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ ว่า เมื่อท่านชำระสะสางโจรจันท์เจ้าเส็ดสิ้นสำนวนแล้ว ขอ<noinclude></noinclude> 6n47gif4is67dicjtxyod7b7mavoq77 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/180 250 55509 188341 176458 2022-07-31T03:16:06Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|165}}</noinclude>ไห้คุมตัวมาไห้พบกับฉันสักหน่อย ท่านไห้คุมมาไนวันรุ่งขึ้น พอฉันแลเห็นก็นึกประหลาดไจ ด้วยดูเปนคนสุภาพ รูปพรรนสันถานไม่มีลักสนะหย่างไดที่จะส่อว่า ไจคอเหี้ยมโหดถึงเปนตัวหัวหน้านายโจร เมื่อพูดด้วย ถ้อยคำที่ตอบก็เรียบร้อยเหมือนหย่างเคยเพ็ดทูนเจ้านายมาแต่ก่อน ฉันออกพิสวง จึงถามว่า ได้เคยเฝ้าแหนเจ้านายมาแต่ก่อนบ้างหรือ โจรจันท์ตอบว่า ได้เคยเฝ้าหลายพระองค์ ที่เคยซงไช้สอยก็มี ฉันยิ่งสงสัย ถามว่า "ก็แกเปนโจร เจ้านายท่านไม่ซงรังเกียดหรือ" โจรจันท์ตอบว่า "เจ้านายท่านไม่ซงซาบว่าเปนโจร หย่าว่าแต่เจ้านายเลย ถึงคนอื่น ๆ ก็ไม่มีไครรู้ว่าเปนโจร รู้แต่ไนพวกโจรด้วยกันเท่านั้น" เพราะพวกโจรต้องระวังตัวกลัวถูกจับด้วยกันทั้งนั้น เรียกกันว่า "นักเลง" คนอื่นก็เลยเรียกว่า นักเลง หมายความแต่ว่า เปนคนกว้างขวาง นักเลงคนไหนมีพวกมาก ก็เรียกกันว่า "นักเลงโต" นักเลงที่ไม่เปนโจรก็มี แต่นักเลงเปนคนกว้าง รับไช้สอยได้คล่องแคล่ว ผู้มีบันดาสักดิ์จึงชอบไช้ ก็ได้คุ้นเคยกับผู้มีบันดาสักดิ์ด้วยเหตุนั้น ฉันไถ่ถามความข้ออื่นต่อไป โจรจันท์ก็เล่าไห้ฟังโดยซื่อแม้จนลักสนะที่ทำโจรกัม คงเปนเพราะเห็นว่า ได้รับสารภาพความผิดต่อเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ หมดแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องปกปิดต่อไป แต่การที่ถามโจรจันท์ ความประสงค์ของเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ กับความประสงค์ของตัวฉันผิดกัน เจ้าพระยาสรีวิชัยฯ ประสงค์รู้เรื่องปล้นเมื่อเดือนกรกดาคมเปนสำคัน แต่ตัวฉันหยากรู้วิธีของโจรผู้ร้ายทั่วไป ไม่ฉเพาะแต่เรื่อง<noinclude></noinclude> 907b9t7azxcs9uvubmlehuyc5z0sehr หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/181 250 55510 188342 176459 2022-07-31T03:19:47Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|166}}</noinclude>ที่โจรจันท์ถูกจับ ฟังคำอธิบายของโจรจันท์จึงเลยออกสนุก ยิ่งฟังไปก็ยิ่งตระหนักไจว่า โจรจันท์ชำนิชำนาญการโจรกัมสมกับที่เปนนายโจร ฉันถามถึงกะบวนโจรกัมหย่างได ๆ โจรจันท์พรรนนาได้ทั้งหมดว่า ทำหย่างนั้น ๆ ดังจะเขียนไห้พอเปนตัวหย่างต่อไปนี้ ถามว่า การที่โจรปล้นเรือนนั้น เขาว่า มักมีคนที่หยู่ไกล้กับเจ้าทรัพย์เปนสาย จิงหรือ ตอบว่า การที่ปล้นนั้นจำต้องมีสาย ถ้าไม่มีสายก็ปล้นไม่ได้ ถามว่า เพราะเหตุไดไม่มีสายจึงปล้นไม่ได้ ตอบว่า พวกโจรต้องอาสัยผู้เปนสายหลายหย่าง เปนต้นแต่ผู้เปนสายไปบอก พวกโจรจึงรู้ว่า บ้านไหนมีทรัพย์ถึงสมควนจะปล้น และการที่จะปล้นนั้น พวกโจรต้องเอาชีวิตเสี่ยงภัย พวกโจรก็รักชีวิตเหมือนกัน ต้องสืบสวนและไล่เลียงผู้เปนสายไห้รู้แน่นอนก่อนว่า เจ้าทรัพย์มีกำลังจะต่อสู้สักเพียงไร เพื่อนบ้านเรือนเคียงอาดจะช่วยเจ้าทรัพย์ได้หย่างไร ทางที่จะเข้าไห้ถึงบ้านเจ้าทรัพย์เปนหย่างไร และต้องสืบหาโอกาสเวลาเจ้าทรัพย์เผลอหรือเวลาไม่หยู่ เปนต้น จนแน่ไจว่า มีกำลังกว่าเจ้าทรัพย์ตั้งเท่าหนึ่ง พวกโจรจึงจะปล้น การที่ปล้นนั้น ผู้เปนสายมักเปนต้นคิดไปชักชวนพวกโจรมาปล้น พวกโจรหาต้องหาคนเปนสายไม่ ถามว่า คนชนิดไดที่เปนสายไห้โจรปล้นบ้าน {{มปก}}<noinclude></noinclude> ohgiqxhnx0y8po0ptlr1nsv9aev29nt หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/182 250 55511 188343 176460 2022-07-31T03:25:54Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|167}}</noinclude>ตอบว่า มักหยู่ไนคน 3 ชนิด คือ คนรับไช้หยู่ไนบ้านเจ้าทรัพย์ที่หยากได้เงิน ชนิดหนึ่ง เพื่อนบ้านที่เปนอริคิดล้างผลานเจ้าทรัพย์ ชนิดหนึ่ง ญาติที่โกรธเจ้าทรัพย์เพราะขอเงินไม่ไห้ ชนิดหนึ่ง ถามว่า โจรที่ปล้นขึ้นเรือนนั้นไฉนจึงรู้ว่า เขาเก็บเงินทองไว้ที่ไหน ตอบว่า ประเพนีของโจรปล้น เมื่อขึ้นเรือนได้แล้ว หมายจับตัวเจ้าทรัพย์หรือคนไนเรือนเปนสำคัน เพราะพวกโจรไม่รู้ว่า เงินทองเก็บไว้ที่ไหน ต้องขู่หรือทำทุรกัมบังคับไห้คนไนเรือนนำชี้ จึงได้ทรัพย์มาก ถ้าจับตัวคนไนเรือนไม่ได้ พวกโจรต้องค้นหาเอง มักได้ทรัพย์น้อย เพราะการปล้นต้องรีบไห้แล้วโดยเร็ว มิไห้ทันพวกชาวบ้านมาช่วย ถามว่า การที่จับตัวเจ้าทรัพย์บังคับถามนั้น ไม่กลัวเขาจำหน้าได้หรือ ตอบว่า แต่ก่อนมา โจรที่ขึ้นเรือนไช้มอมหน้ามิไห้เจ้าทรัพย์รู้จัก แต่เมื่อการปกครองมีกำนันผู้ไหย่บ้าน เวลาเกิดปล้น ผู้ไหย่บ้านมักเรียกลูกบ้านมาตรวด จะล้างหน้าไปรับตรวดไม่ทัน พวกโจรจึงคิดวิธีไหม่ ไห้โจรที่หยู่ถิ่นถานห่างไกลเจ้าทรัพย์ไม่รู้จักเปนพนักงานขึ้นเรือน ไม่ต้องมอมหน้าเหมือนแต่ก่อน ไห้โจรที่หยู่ไกล้เปลี่ยนไปเปนพนักงานซุ่มระวังทางหยู่ไนที่มืด ถามว่า โจรชนิดไหนที่เรียกกันว่า "อ้ายเสือ" ตอบ คำว่า "อ้ายเสือ" นั้นมิไช่ชื่อสำหรับเรียกตัวโจร เปนแต่คำสัญญาที่หัวหน้าสั่งการไนเวลาปล้น เปนต้นแต่เมื่อลอบเข้าไป<noinclude></noinclude> a5387ge3i7mpf6mfzntn3krr4xizuje หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/183 250 55512 188344 176461 2022-07-31T03:28:18Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|168}}</noinclude>รายล้อมบ้านแล้ว พอจะไห้ลงมือปล้นหย่างเปิดเผย หัวหน้าร้องบอกสัญญาว่า "อ้ายเสือเอาวา" พวกโจรก็ยิงปืนและเข้าพังประตูบ้าน เมื่อเข้าบ้านได้แล้ว หัวหน้าร้องบอกสัญญาว่า "อ้ายเสือขึ้น" พวกที่เปนพนักงานขึ้นเรือนต่างก็ขึ้นทุกทางที่จะขึ้นเรือนได้ เมื่อปล้นแล้ว หัวหน้าร้องบอกสัญญาว่า "อ้ายเสือถอย" ต่างก็ลงจากเรือพากันกลับไป แต่ถ้าไปเสียที เห็นจะปล้นไม่สำเหร็ด หัวหน้าร้องบอกสัญญาว่า "อ้ายเสือล่า" ต่างคนต่างก็หนีเอาตัวรอด เปนคำสัญญากันหย่างนี้ พึงเห็นได้ตามคำอธิบายที่เขียนเปนตัวหย่างไว้ว่า โจรจันท์ชำนิชำนาญการโจรกัมมาก ถ้าหากโจรกัมเปนสาสตรอันหนึ่ง ความรู้ของโจรจันท์ก็ถึงภูมิสาสตราจารย์ เพราะฉะนั้น พอพูดกันได้วันหนึ่ง ฉันก็ติดไจนึกอยากจะรู้กะบวนของโจรต่อไปไห้สิ้นเชิง แต่นั้น ถึงเวลาเย็น ฉันลงไปนั่งเล่นที่สนามหย้า ก็ไห้เบิกตัวโจรจันท์มาถามต่อมาอีกหลายวัน จึงคุ้นกัน ฉันเลยถามต่อไปว่า เพราะเหตุไดแกจึงรับเปนสัจ โจรจันท์ตอบว่า เดิมก็ตั้งไจจะไม่รับ ถ้าชำระที่เมืองปทุมธานี ก็เห็นจะไม่ได้ความจากตัวแก แต่ไจมาอ่อนเสียที่ถูกเอามาชำระต่างเมือง ตั้งแต่ลงจากรถไฟแลหาพวกพ้องแม้แต่ไครที่เคยรู้จักหน้าสักคนหนึ่งก็ไม่มี เหลือแต่ตัวคนเดียวก็เปลี่ยวไจ เมื่อหยู่ไนเรือนจำ พบปะนักโทส ถามถึงพัคพวกที่ถูกจับมา เขาบอกว่า รับเปนสัจหมดแล้ว ก็ยิ่งครั่นคร้าม แต่หย่างอื่นไม่ทำไห้ท้อไจเหมือนวิธีชำระของเจ้าคุนเทสาฯ ถามว่า ท่านชำระหย่างไร โจรจันท์เล่าว่า เวลาราวยามหนึ่ง ท่านเอาตัวไปที่สาลอำเพอ{{วว}}<noinclude></noinclude> r182rmvmcppa5k7xqdw51e87myxos5g หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/184 250 55513 188345 176462 2022-07-31T03:32:01Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|169}}</noinclude>ตัวท่านนั่งเก้าอี้หยู่ที่โต๊ะกับข้าราชการอีกสักสองสามคน ท่านเรียกตัวเข้าไปนั่งที่ข้างเก้าอี้ของท่าน แล้วถามถึงเรื่องที่ไปปล้น แกปติเสธว่า ไม่ได้รู้เห็นด้วย ท่านก็หัวเราะแล้วว่า "คิดดูเสียไห้ดีเถิด พวกพ้องเขาก็รับหมดแล้ว" ท่านว่าแต่เท่านั้นแล้วก็หันไปพูดกับพวกข้าราชการถึงการงานหย่างอื่น ๆ และสูบบุหรี่กินน้ำร้อนไปพลาง ไห้แกนั่งคอยหยู่นาน จึงหันกลับไปถามอีกว่า "จะว่าหย่างไร" แกปติเสธ ท่านก็หัวเราะว่า "คิดดูเสียไห้ดี" แล้วหันไปพูดกับข้าราชการไห้แกนั่งคอยหยู่อีก นาน ๆ หันมาถามหย่างนั้นอีก แกปติเสธ ท่านก็หัวเราะ แล้วบอกไห้คิดไห้ดีอีก เวียนถามหยู่แต่หย่างนั้นหลายพัก จนเวลาสัก 5 ทุ่มจึงเลิกชำระ ถึงวันที่ 2 พอยามหนึ่ง ท่านก็เอาตัวไปชำระอีก พอได้ยินท่านถามเหมือนหย่างวันก่อนก็รำคานไจ ยิ่งถูกถามซ้ำซากก็ยิ่งรำคานหนักขึ้น แต่ยังแขงไจปติเสธหยู่ได้อีกคืนหนึ่ง พอถึงคืนที่ 3 ระอาไจเสียแต่เมื่อเขาไปเอาตัวมาจากเรือนจำ พอเจ้าคุนเทสาตั้งคำถามหย่างเก่าอีก ก็เกิดเบื่อเหลือทน เห็นว่า ถ้าปติเสธ ท่านก็คงถามเช่นนั้นไปไม่มีที่สิ้นสุด นึกว่า ไหน ๆ ก็คงไม่พ้นโทส เพราะพวกเพื่อนรับเปนสัจหมดแล้ว รับเสียไห้รู้แล้วไปดีกว่า จะได้หลับนอนสิ้นรำคาน แกจึงรับเปนสัจไนคืนที่ 3 เพราะ "สู้ปัญญาเจ้าคุนเทสาท่านไม่ได้" ไนการชำระโจรผู้ร้าย เจ้าพระยาสรีวิชัยฯ มีวิธีผิดกับคนอื่นหลายหย่าง ท่านเคยบอกกับฉันหย่างหนึ่งว่า ถ้าชำระไนถิ่นที่ตัวผู้ร้ายหยู่ ไม่ไคร่รับเปนสัจ ด้วยมันอายพวกพ้องของมัน ถ้าเอาไปชำระไห้ห่างถิ่น<noinclude>{{ข|22|4em}}</noinclude> qurzhiubn59rewskq4agu330f98o4ju หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/185 250 55514 188346 176463 2022-07-31T03:40:11Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|170}}</noinclude>ถาน ได้ความสัจง่ายขึ้น พระยามหินทรเดชานุวัติ (ไหย่ สยามานนท์) ซึ่งต่อมาได้เปนสมุหเทสาภิบาลมนทลนครชัยสรี เวลานั้นยังเปนที่พระสรีวิเสส ยกบัตรมนทล หัวหน้าพนักงานอัยการ เปนมือขวาของเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ ไนการชำระโจรผู้ร้าย เคยเล่าไห้ฉันฟังว่า เมื่อพวกโจรจันท์ปล้นบ้านชีปะขาวครั้งนั้น พอรู้ข่าวถึงนครปถม เจ้าพระยาสรีวิชัยฯ ก็ไห้พระยามหินทรฯ รีบลงเรือไฟขึ้นไปเมืองสุพรรน สั่งว่า ไห้ไปเอาตัวผู้ไหย่บ้านกอนที่ตำบลบางซอมาซักถามเถิด คงจะได้ความ พระยามหินทรฯ ตรงไปเอาตัวผู้ไหย่บ้านกอนมาซักไซ้ ก็ไห้การรับเปนสัจว่า หยู่ไนพวกโจรที่ปล้นนั้น ไห้การบอกชื่อพวกโจร จึงจับตัวได้โดยมาก พระยามหินทรฯ ไม่เข้าไจเพราะเหตุไดเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ จึงสามารถชี้เจาะตัวได้ว่า ไห้ไปเอาตัวผู้ไหย่บ้านกอนมาชำระ มีผู้อื่นว่า วิธีของเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ นั้น เวลาท่านไปเที่ยวไหน ๆ ท่านสืบถามชื่อนักเลงไนถิ่นนั้นจดไว้ไนสมุดพกเสมอ ถ้าสามารถจะพบได้ ก็คิดอ่านรู้จักตัวด้วย แล้วสืบถามเรื่องประวัติของพวกนักเลงจากคนร่วมถิ่นที่เปนนักโทสติดหยู่ไนเรือนจำ จึงรู้แหล่งของพวกโจรไนตำบลต่าง ๆ ท่านยังมีผู้ช่วยหย่างเปนมือซ้ายของท่านอีกคนหนึ่ง คือ พระพุทธกเสตรานุรักส์ (โพธิ์) เมื่อยังเปนหลวงที่ชัยอาญา พะทำมะรงเรือนจำเมืองนครปถม เปนผู้มีคุนวุทธิหย่างแปลกประหลาดไนกะบวนบังคับบันชา ไม่ดุร้าย แต่สามารถไห้นักโทสรักด้วยกลัวด้วย เรียกหลวงชัยอาญาว่า "คุนพ่อ" ทั้งเรือนจำ จนคนพายนอกพิสวงถึงกล่าวกันว่า หลวงชัยอาญาอาดจะ<noinclude></noinclude> h8td02el2hf94yjdzas4l7s2npbbxq3 หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/186 250 55515 188347 176464 2022-07-31T03:45:40Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|171}}</noinclude>จ่ายนักโทสไปทำงานได้ด้วยไม่ต้องมีผู้คุม เพราะแกรู้จักผูกไจนักโทสมิไห้หนี ฉันเคยถามตัวแกเองว่า ทำหย่างไรนักโทสที่แกจ่ายจึงไม่หนี แกบอกว่า นักโทสมี 2 ชนิด ชนิดที่จะหนี ถ้ามีโอกาสเมื่อได มันคงหนี ชนิดนั้นจ่ายออกนอกตรางไม่ได้ แต่นักโทสอีกชนิดหนึ่งไจยังรักดี คือ พวกที่จะต้องติดไม่นานนัก หรือพวกที่ไกล้จะถึงเวลาพ้นโทส ชนิดนี้สั่งสอนได้ ถึงไนพวกนี้แกก็เลือกจ่ายไปโดยลำพังแต่คนที่เชื่อไจได้ว่าจะไม่หนี แกไม่มีวิชาหย่างไรที่จะเปลี่ยนอุปนิสัยของมันได้ ฉันได้ฟังอธิบายของแกก็เข้าไจว่า ความสามารถของแกหยู่ที่รู้จักคาดไจนักโทสเปนสำคัน ที่แกเปนกำลังของเจ้าพระยาสรีวิชัยฯ นั้นหยู่ไนการสืบเรื่องโจรผู้ร้ายจากความรู้ของพวกนักโทส หย่างหนึ่ง กับปลอบผู้ร้ายไห้รับเปนสัจ หย่างหนึ่ง ดูเหมือนแกจะมีนักโทสที่ฝึกหัดไว้สำหรับไห้หยู่ปะปนกับโจรผู้ร้ายที่แรกจับได้ {{ตตฉ|ค่อย|คอย}}พูดจาเกลี้ยกล่อมไห้รับเปนสัจ ดังเห็นได้ไนคำที่โจรจันท์เล่า หลวงชัยอาญา (โพธิ์) เปนทั้งพะทำมะรง และเปนครูของพะทำมะรงไนเรือนจำอื่นซึ่งฉันสั่งไห้ส่งไปสึกสาจากมนทลต่าง ๆ หยู่ไนตำแหน่งจนแก่ชราขอลาออก จึงได้เลื่อนเปนที่พระพุทธกเสตรานุรักส์ ตำแหน่งเจ้ากรมรักสาพระปถมเจดีย์ มาจนถึงแก่กัม ฉันได้ฟังอธิบายของโจรจันท์ถึงกะบวนโจรกัมต่าง ๆ คิดเห็นว่า โจรกัมเปนของมีจิงคล้ายกับเปนวิชาหย่างหนึ่ง มิไช่เปนแต่คำสำหรับเรียกกันโดยโวหาร หากเปนวิชาสำหรับทำความชั่ว สาธุชนไม่เอาไจไส่<noinclude></noinclude> 7wqbbpa19axzf5n30hpuzl11kufrhkj หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/187 250 55516 188348 176465 2022-07-31T03:47:47Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|172}}</noinclude>ที่จะรู้ จึงรู้กันแต่ไนพวกโจรผู้ร้าย ว่าที่จิง ถ้าสาธุชนรู้ไว้บ้าง ก็จะเปนประโยชน์ เช่น พนักงานปราบปรามโจรผู้ร้ายก็จะได้รู้เท่าทันโจร หรือเปนครึหะบดีก็จะรู้จักป้องกันทรัพย์สมบัติของตน ตัวฉันมีโอกาสได้พบปะกับสาสตราจารย์โจรกัม น่าจะลองเขียนไห้ความรู้เรื่องโจรกัมเปนประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ปราบโจนผู้ร้ายตามหัวเมืองตลอดจนพวกเจ้าทรัพย์ คิดเห็นเช่นนั้น จึงเรียกโจรจันท์มาถามอีกครั้งหนึ่ง ถามครั้งนี้ ฉันเอากะดาดดินสอจดคำอธิบายและบอกโจรจันท์ไห้รู้ว่า ฉันจะแต่งหนังสือเรื่องโจรกัม ถ้าบอกไห้ถ้วนถี่ดีจิง ฉันจะกราบบังคมทูนขอไห้พ้นโทสเปนบำเหน็ด โจรจันท์ก็ยินดีรับชี้แจงไห้ตามประสงค์ และไห้สัญญาว่า ถ้าพ้นโทส จะทิ้งความชั่วไม่เปนโจรผู้ร้ายต่อไปจนตลอดชีวิต ฉันจึงเขียนเรื่องโจรกัมหย่างพิสดารจนสำเร็จ แล้วไห้พิมพ์เปนเล่นสมุดเรียกชื่อว่า "สนทนากับผู้ร้ายปล้น" เมื่อ พ.ส. 2446 นั้น แต่พอหนังสือนั้นปรากต คนก็ชอบอ่านกันแพร่หลายถึงต้องพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง เพราะยังไม่เคยมีไครรู้เรื่องโจรกัมชัดเจนเหมือนหย่างพรรนนาไนหนังสือเรื่องสนทนากับผู้ร้ายปล้นมาแต่ก่อน ส่วนตัวโจรจันทน์นั้น ฉันก็กราบบังคมทูนขอพระราชทานโทสด้วยยกความชอบที่ได้ชี้แจงกะบวนโจรกัมไห้เปนประโยชน์แก่การปราบปรามโจรผู้ร้าย เมื่อได้รับพระราชทานโทสแล้ว โจรจันท์ไม่ประสงค์จะกลับไปหยู่เมืองปทุมธานี ขอหยู่รับไช้สอยที่เมืองนครปถมต่อไป เจ้าพระยาสรีวิชัยฯ ว่า พวกโจรปล้นเช่นนายจันท์ยังถือสัจ ถ้า<noinclude></noinclude> sozro10fpc6k0e9n54ks9eeo28x7vfh หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/188 250 55517 188349 176467 2022-07-31T03:50:08Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" />{{ก|173}}</noinclude>รับกลับไจแล้ว พอไว้ไจได้ ไม่เหมือนพวกขโมยที่ล้วงกัดตัดช่องย่องเบา ท่านเห็นฉันคุ้นเคยจนชอบนายจันท์ จะไห้เปนพนักงานเฝ้าเรือน "บังกะโล" ที่ฉันพัก ฉันก็ไม่รังเกียด นายจันท์ได้ตำแหน่งทำงาน ก็ไห้ครอบครัวตามไปหยู่เมืองนครปถม เมียไปตั้งร้านขายของ มีลูกชายคนหนึ่งเพิ่งรุ่นหนุ่ม เอาไปไห้พระยาสรีวิชัยฯ ฝึกหัดไช้ราชการ แต่นั้นก็หยู่เย็นเปนสุขสืบมาทั้งครัวเรือน ไนสมัยนั้น พระบาทสมเด็ดพระมงกุตเกล้าเจ้าหยู่หัวยังดำรงพระยสเปนสมเด็ดพระบรมโอรสาธิราช โปรดสเด็ดประพาสเมืองนครปถมเนือง ๆ เมื่อยังไม่ได้ส้างวังไหม่ สเด็ดประทับที่เรือนบังกะโลของฉันเปนนิจ ซงซาบว่า นายจันท์คนรักสาเรือนเคยเปนนายโจร ตรัดเรียกไปซงไถ่ถามไห้เล่าเรื่องโจรกัมถวายจนซงคุ้นเคย ถึงสมัยเมื่อซงเสวยราชย์แล้ว เวลาสเด็ดออกไปเมืองนครปถมพบนายจันท์ ก็ตรัดทักด้วยซงพระกรุนา แม้พวกข้าราชการไนราชสำนักหรือที่ไปรับราชการนะเมืองนครปถมก็รู้จักนายจันท์ทุกคนไม่มีไครเกลียดชัง ถ้าจะว่าก็เพราะเหตุที่เคยเปนโจรแล้วกลับไจได้ แม้เปนพลเมืองสามันไปรับจ้างเฝ้าเรือนบังกะโล ก็เห็นจะไม่มีไครนำพานัก นายจันท์เปนผู้เฝ้าเรือนบังกะโลมากว่า 20 ปีจนแก่ชราทำงานไม่ไหวจึงออกจากหน้าที่ เมื่อฉันเขียนนิทานนี้ ได้ยินว่า "โจรจันท์" ยังหยู่ที่เมืองนครปถม อายุกว่า 80 ปีแล้ว. {{สกอ|sp|100}}<noinclude></noinclude> au8ko1ownrais31llbgapbgh9uf26qr หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/366 250 55523 188319 185978 2022-07-30T12:03:51Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 19|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง เมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} {{ก|(1)|บ=font-size:120%}} ตั้งแต่รัชกาลที่ 4 มาจนไนรัชกาลที่ 5 ชาวต่างประเทสเข้าไจกันว่า ประเพนีเมืองไทยผิดกับประเทสอื่น ๆ ด้วยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์เสมอ แม้สมเด็ดพระราชินีนาถวิกตอเรียประเทสอังกริดก็เคยตรัดถามฉันว่า "ประเทสของเธอมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์มิไช่หรือ" แต่เวลาเมื่อฉันไปเฝ้าไน พ.ส. 2434 มีสมเด็ดพระบรมโอรสาธิราชแล้ว ฉันจึงทูนสนองว่า เดี๋ยวนี้เลิกประเพนีมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์แล้ว เปลี่ยนเปนมีมกุดราชกุมารเปนรัชทายาทเหมือนเช่นประเทสอื่น ๆ ก็ไม่ซงซักไซ้ต่อไป อันมูลเหตุที่ชาวต่างประเทสเข้าไจกันว่า ทำเนียมเมืองไทยมีพระเจ้าแผ่นดิน 2 พระองค์เปนนิจนั้นเกิดด้วยเมื่อรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวซงเพิ่มพระเกียรติยสสมเด็ดพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจุทามนี กรมขุนอิสเรสรังสรรค์ ซึ่งเปนพระมหาอุปราช ไห้เปนพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์หนึ่ง ซงพระนามว่า "พระบาทสมเด็ดพระปิ่นเกล้าเจ้าหยู่หัว" ผิดกับพระมหาอุปราชไนรัชกาลก่อน ๆ ซึ่งเปนแต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมาทุกรัชกาล เมื่อพระมหาอุปราชซงพระเกียรติยสเปนพระเจ้าแผ่นดินขึ้น ไทยเราจึงบอกอธิบายแก่ฝรั่งว่า พระบาทสมเด็ดพระจอมเกล้าเจ้าหยู่หัวเปนพระเจ้าแผ่นดิน<noinclude></noinclude> jvwfxqbuilwhy7y5qljf165cc0o7lrk สถานีย่อย:ประเทศอินเดีย 100 57058 188403 188250 2022-07-31T05:02:19Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{ระดับชาติ|ธง=India}} ==ข่าว== * {{ลปงย|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 2/ส่วนที่ 3||2387|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 2||ข่าวต่าง ๆ|หนังสือจดหมายเหตุ เล่มที่ 1 (แรก) ใบที่ 2}} * {{ลปงย|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 3/ส่วนที่ 2||2387|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 3||ม้าเมืองอารับ|หนังสือจดหมายเหตุ เล่มที่ 1 (แรก) ใบที่ 3}} * {{ลปงย|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 2/ส่วนที่ 2||2387|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 2||ราคากำปั่นไฟ|หนังสือจดหมายเหตุ เล่มที่ 1 (แรก) ใบที่ 2}} * {{ลปงย|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 3/ส่วนที่ 2||2387|หนังสือจดหมายเหตุ/เล่มที่ 1 (แรก)/ใบที่ 3||ราคากำปั่นไฟอีกที|หนังสือจดหมายเหตุ เล่มที่ 1 (แรก) ใบที่ 3}} ==ประวัติศาสตร์== * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย}} * {{ลปง|พงษาวดารอินเดียย่อ||2452}} {{ลฟใน|พงศาวดารอินเดีย - ๒๔๕๒.pdf}} * {{ลปง|เมืองพาราณศรี||2373}} {{ลฟใน|วชรญ (๐๗๗).pdf|พาราณสี - ๒๕๐๒.pdf}} * {{ลปงย|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ/เรื่อง 4|เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)|2480|เรื่องสั้น ๆ ของครูเทพ||รพินทรนารถ ตกูร์ กับชมภูทวีป}} {{ลฟใน|เรื่องสั้น - สนั่น เทพหัสดิน - ๒๔๘๐.pdf}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศ|อินเดีย]] h26gef3k09xrl80j8ra07m28vi0i563 สถานีย่อย:เอกสารแบ่งตามประเทศ 100 57065 188410 187199 2022-07-31T05:10:31Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki {{portal header | title = {{PAGENAME}} | class = I | shortcut = | reviewed = | notes = | commonscat = Countries }} [[File:Perlshaper orthographic example1.svg|170px|right]] <!-- ก --> * {{สถานีย่อยประเทศ|Cambodia|กัมพูชา}} <!-- จ --> * {{สถานีย่อยประเทศ|China|จีน}} <!-- ญ --> * {{สถานีย่อยประเทศ|Japan|ญี่ปุ่น}} <!-- ท --> * {{สถานีย่อยประเทศ|Thailand|ไทย}} <!-- ฝ --> * {{สถานีย่อยประเทศ|France|ฝรั่งเศส}} <!-- พ --> * {{สถานีย่อยประเทศ|Myanmar|พม่า}} <!-- ม --> * {{สถานีย่อยประเทศ|Malaysia|มาเลเซีย}} <!-- ล --> * {{สถานีย่อยประเทศ|Laos|ลาว}} <!-- ว --> * {{สถานีย่อยประเทศ|Vietnam|เวียดนาม}} <!-- ส --> * {{สถานีย่อยประเทศ|United States|สหรัฐ|สหรัฐ}} * {{สถานีย่อยประเทศ|United Kingdom|สหราชอาณาจักร|สหราชอาณาจักร}} * {{สถานีย่อยประเทศ|Singapore|สิงคโปร์}} <!-- อ --> * {{สถานีย่อยประเทศ|India|อินเดีย}} * {{สถานีย่อยประเทศ|France|อินโดจีนฝรั่งเศส|อินโดจีนฝรั่งเศส}} * {{สถานีย่อยประเทศ|Indonesia|อินโดนีเซีย}} * {{สถานีย่อยประเทศ|Egypt|อียิปต์}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศ| ]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:หน้าดัชนีวิกิซอร์ซ]] gfvrk99oml4b4qfuiq7ezah54cqfjkv หน้า:นิทานโบราณคดี - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๘๗.pdf/32 250 57543 188314 188273 2022-07-30T12:02:09Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>{{ก|นิทานที่ 3|บ=font-size:140%}} {{ก|เรื่อง เสือไหย่เมืองชุมพร|บ=font-size:120%}} {{สต|7em}} เมื่อ พ.ส. 2433 (ร.ส. 109) พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะสเด็ดเลียบหัวเมืองแหลมมลายูทั้งปักสไต้และฝ่ายตะวันตก กำหนดระยะทางจะสเด็ดไปเรือจากกรุงเทพฯ ถึงเมืองชุมพร แต่เมืองชุมพรสเด็ดโดยทางบกข้ามแหลมมลายูตรงกิ่วกระ ไปลงเรือที่เมืองกระบุรี ล่องลำน้ำปากจั่นลงไปยังเมืองระนอง ต่อนั้น สเด็ดไปเรือทางทเล แวะตามหัวเมืองฝ่ายตะวันตกจนตลอดพระราชอานาเขต แล้วเลยไปอ้อมแหลมมลายูที่เมืองสิงคโปร์ เลียบหัวเมืองปักสไต้ขึ้นมา เมื่อขากลับกรุงเทพฯ โปรดไห้ฉันเปนผู้จัดการสเด็ดประพาสครั้งนั้น เพราะเหตุไดจึงโปรดไห้ฉันเปนผู้จัดการสเด็ดประพาส เปนเรื่องอันหนึ่งไนประวัติของตัวฉันเอง จะเล่าฝากไว้ด้วยตรงนี้ เมื่อ พ.ส. 2432 (ร.ส. 108) พระบาทสมเด็ดพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสเด็ดประพาสหัวเมืองปักสไต้ โปรดไห้ฉันไปตามสเด็ดเปนมัคคุเทส เพราะฉันได้เคยไปเที่ยวหัวเมืองทางนั้น รู้เบาะแสมาแต่ปีก่อน ก็การที่เปนมัคคุเทสนั้นมีหน้าที่เปนต้นรับสั่งกะการประพาสที่ต่าง ๆ ตลอดทางที่สเด็ดไป ฉันสนองพระเดชพระคุนชอบพระราชหรึทัยสมเด็ดพระพุทธเจ้าหลวง แต่นั้นมา จึงซงพระกรุนาโปรดไห้ฉันเปนผู้จัดการสเด็ดประพาส แต่ชอบเรียกกันเปนคำแผลงภาสาอังกริดว่า Lord Program{{วว}}<noinclude>{{ข|3|4em}}</noinclude> ic789cjilrpeyzj7ej1ffw6yqxopu9e คุยกับผู้ใช้:นราวิชญ์ ปาณสมบูรณ์ 3 57556 188328 2022-07-30T12:26:57Z New user message 1899 เพิ่ม[[Template:Welcome|สารต้อนรับ]]ในหน้าคุยของผู้ใช้ใหม่ wikitext text/x-wiki {{Template:Welcome|realName=|name=นราวิชญ์ ปาณสมบูรณ์}} -- [[ผู้ใช้:New user message|New user message]] ([[คุยกับผู้ใช้:New user message|คุย]]) 19:26, 30 กรกฎาคม 2565 (+07) o2yl9mlwbdu0bq70u5mb73ebdhz7ui5 นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๕ 0 57557 188330 2022-07-30T12:26:58Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๕]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5]] npxickx9v9eaexs6vh5sm3vcu4elsxg พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๕ 1 57558 188332 2022-07-30T12:26:58Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๕]] ไปยัง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5]] eicg81aq6qxnxyq77wdvd7dgqtebi03 นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๑ 0 57559 188353 2022-07-31T03:54:40Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๑]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11]] m2vska65il1lir1tjn1qfnyb9wftlv1 พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๑ 1 57560 188355 2022-07-31T03:54:41Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๑๑]] ไปยัง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 11]] ige33w7ezr7icp5jzrwnm5wk2no7gkb นิทานโบรานคดี/คำนำของกรมสิลปากร 0 57561 188373 2022-07-31T04:31:38Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบรานคดี/คำนำของกรมสิลปากร]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/คำนำ (1)]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[นิทานโบรานคดี/คำนำ (1)]] 1tz3zgvd0b1m2q6ljr9mn7xy5fbrvzi นิทานโบรานคดี/คำนำนิทานโบรานคดี 0 57562 188375 2022-07-31T04:31:46Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบรานคดี/คำนำนิทานโบรานคดี]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/คำนำ (2)]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[นิทานโบรานคดี/คำนำ (2)]] i2xs18j2fj0io2k612buqgwhivnsgyj ผู้สร้างสรรค์:พระยาอนุมานราชธน (ยง เสถียรโกเสส) 102 57563 188376 2022-07-31T04:32:15Z Venise12mai1834 8884 เปลี่ยนทางหน้าไปยัง [[ผู้สร้างสรรค์:พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ)]] wikitext text/x-wiki #REDIRECT [[ผู้สร้างสรรค์:พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ)]] hkpeyll3ivqk0gbj7us2acp9bezrejn นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๙ 0 57564 188392 2022-07-31T04:45:22Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๙]] ไปยัง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9]] cz5rhdqildg6fhua67fsf9dxdjfjqih พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๙ 1 57565 188394 2022-07-31T04:45:22Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[พูดคุย:นิทานโบราณคดี/นิทานที่ ๙]] ไปยัง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[พูดคุย:นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 9]] sfqkc8kl09tlzx3sml7ovr9ecpgtsaj สถานีย่อย:ประเทศอียิปต์ 100 57566 188409 2022-07-31T05:09:36Z Venise12mai1834 8884 สร้างหน้าด้วย "{{ระดับชาติ|ธง=Egypt}} ==งาน== * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย}} * {{ลปงย|นิทาน..." wikitext text/x-wiki {{ระดับชาติ|ธง=Egypt}} ==งาน== * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 5|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||ของแปลกที่เมืองชัยบุระไนอินเดีย}} * {{ลปงย|นิทานโบรานคดี/นิทานที่ 8|สมเด็ดพระเจ้าบรมวงส์เทอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|2487|นิทานโบรานคดี||เจ้าพระยาอภัยราชา (โรลังยัคมินส)}} * {{ลปง|เมืองอิยิปต์|พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว|2517}} {{ลฟใน|อียิปต์_-_วชิราวุธ_-_๒๕๑๗.pdf}} [[หมวดหมู่:สถานีย่อย]] [[หมวดหมู่:สถานีย่อยเกี่ยวกับประเทศ|อียิปต์]] exinpyiisa1myji294ywyoxl0pk3cl8 อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/๑ 0 57567 188416 2022-07-31T09:38:07Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/๑]] ไปยัง [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1]] i9q7gm0gnnvd277pqd7si759uihytmb อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1 0 57568 188418 2022-07-31T09:38:43Z Venise12mai1834 8884 Venise12mai1834 ย้ายหน้า [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม/ตอน 1]] ไปยัง [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม (2469)/ตอน 1]] wikitext text/x-wiki #เปลี่ยนทาง [[อธิบายเบ็ดเตล็ดในเรื่องพงศาวดารสยาม (2469)/ตอน 1]] t448ct4sm8th1whus7k0fwjfndjdech ดัชนี:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf 252 57569 188421 2022-07-31T09:46:21Z Venise12mai1834 8884 สร้างหน้าด้วย "" proofread-index text/x-wiki {{:MediaWiki:Proofreadpage_index_template |ประเภท=หนังสือ |ชื่อ=[[สุมนชาตินิพนธ์]] |ภาษา=th |เล่ม= |ผู้สร้างสรรค์=[[ผู้สร้างสรรค์:หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล]] |ผู้แปล= |บรรณาธิการ= |ผู้วาดภาพประกอบ= |สถานศึกษา= |ผู้เผยแพร่=[[สถานีย่อย:ศิวพร|ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร]]; คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพศาสตราจารย์ ม.ร.ว. สุมนชาติ สวัสดิกุล ต.ม. จ.ช. ภ.ป.ร.3 ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส 31 พฤษภาคม 2507 |สถานที่=พระนคร |ปี=2507 |รหัส= |ISBN= |OCLC= |LCCN= |BNF_ARK= |ARC= |จากวารสาร= |ที่มา=pdf |ภาพ=1 |ความคืบหน้า=C |การผสานหน้า=no |วันที่ตรวจสอบเนื้อหาเสร็จสมบูรณ์= |หน้า=<pagelist 1to7 = - 8 = 1 171 = - 8to170 = thai /> |ชุดเล่ม= |จำนวน= |หมายเหตุ= |Width= |Css= |Header= |Footer={{ก|– {{{pagenum}}} –}} }} [[หมวดหมู่:ดัชนีประวัติศาสตร์]] nku5etr9xc5w1s1hkmdvdbzuolucc5q 188422 188421 2022-07-31T09:49:57Z Venise12mai1834 8884 proofread-index text/x-wiki {{:MediaWiki:Proofreadpage_index_template |ประเภท=หนังสือ |ชื่อ=[[สุมนชาตินิพนธ์]] |ภาษา=th |เล่ม= |ผู้สร้างสรรค์=[[ผู้สร้างสรรค์:หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล]] |ผู้แปล= |บรรณาธิการ= |ผู้วาดภาพประกอบ= |สถานศึกษา= |ผู้เผยแพร่=[[สถานีย่อย:ศิวพร|ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร]]; คณะอักษรศาสตร์ [[สถานีย่อย:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพศาสตราจารย์ ม.ร.ว. สุมนชาติ สวัสดิกุล ต.ม. จ.ช. ภ.ป.ร.3 ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส 31 พฤษภาคม 2507 |สถานที่=พระนคร |ปี=2507 |รหัส= |ISBN= |OCLC= |LCCN= |BNF_ARK= |ARC= |จากวารสาร= |ที่มา=pdf |ภาพ=1 |ความคืบหน้า=C |การผสานหน้า=no |วันที่ตรวจสอบเนื้อหาเสร็จสมบูรณ์= |หน้า=<pagelist 1to7 = - 8 = 1 171 = - 8to170 = thai /> |ชุดเล่ม= |จำนวน= |หมายเหตุ=# [[สุมนชาตินิพนธ์/คำนำ|คำนำ]] (น. - [2]) # [[สุมนชาตินิพนธ์/ผู้วายชนม์|ผู้วายชนม์]] (น. - [3]) # สารบาญ (น. - [7]) # เรื่อง ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 1|เรื่อง "สยาม" หมายความว่ากระไร]] (น. 34) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 2|บุคคลสำคัญใน 24 มิถุนายน 2475 ที่ชาติไทยพึงระลึกถึง]] (น. 109) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 3|ในพระโกศ]] (น. 123) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 4|วินิจฉัยเรื่อง "ศรีปราชญ์"]] (น. 144) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 5|พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ในฐานะทรงเป็นนักประวัติศาสตร์]] (น. 158) |Width= |Css= |Header= |Footer={{ก|– {{{pagenum}}} –}} }} [[หมวดหมู่:ดัชนีประวัติศาสตร์]] 61k0yqe75923semi6vf9uukx4wyet79 188423 188422 2022-07-31T09:51:58Z Venise12mai1834 8884 proofread-index text/x-wiki {{:MediaWiki:Proofreadpage_index_template |ประเภท=หนังสือ |ชื่อ=[[สุมนชาตินิพนธ์]] |ภาษา=th |เล่ม= |ผู้สร้างสรรค์=[[ผู้สร้างสรรค์:หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล|หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิกุล]] |ผู้แปล= |บรรณาธิการ= |ผู้วาดภาพประกอบ= |สถานศึกษา= |ผู้เผยแพร่=[[สถานีย่อย:ศิวพร|ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร]]; คณะอักษรศาสตร์ [[สถานีย่อย:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย|จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพศาสตราจารย์ ม.ร.ว. สุมนชาติ สวัสดิกุล ต.ม. จ.ช. ภ.ป.ร.3 ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส 31 พฤษภาคม 2507 |สถานที่=พระนคร |ปี=2507 |รหัส= |ISBN= |OCLC= |LCCN= |BNF_ARK= |ARC= |จากวารสาร= |ที่มา=pdf |ภาพ=1 |ความคืบหน้า=C |การผสานหน้า=no |วันที่ตรวจสอบเนื้อหาเสร็จสมบูรณ์= |หน้า=<pagelist 1to7 = - 8 = 1 171 = - 8to170 = thai /> |ชุดเล่ม= |จำนวน= |หมายเหตุ=# [[สุมนชาตินิพนธ์/คำนำ|คำนำ]] (น. - [2]) # [[สุมนชาตินิพนธ์/ผู้วายชนม์|ผู้วายชนม์]] (น. - [3]) # สารบาญ (น. - [7]) # เรื่อง ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 1|เรื่อง "สยาม" หมายความว่ากระไร]] (น. 34) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 2|บุคคลสำคัญใน 24 มิถุนายน 2475 ที่ชาติไทยพึงระลึกถึง]] (น. 109) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 3|ในพระโกศ]] (น. 123) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 4|วินิจฉัยเรื่อง "ศรีปราชญ์"]] (น. 144) ## [[สุมนชาตินิพนธ์/เรื่อง 5|พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ในฐานะทรงเป็นนักประวัติศาสตร์]] (น. 158) |Width= |Css= |Header= |Footer={{ก|– {{{pagenum}}} –}} }} [[หมวดหมู่:ดัชนีประวัติศาสตร์]] 5dg1x0umtsccnwnfepjqryhv1rw6nr2 หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/41 250 57570 188424 2022-07-31T09:55:15Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>{{ก|เรื่อง "สยาม" หมายความว่ากระไร?|บ=font-size:140%}} {{สต|7em}} เรื่อง "สยาม" หมายความว่ากระไรนี้ เป็นเรื่องของการค้นคว้าที่มา คำแปล และความหมายของศัพท์ "สยาฒ" เป็นการสันนิษฐานโดยอาศัยหลักที่มีอยู่ในธรรมชาติ ในทางนิรุกติศาสตร์ ทางประวัติศาสตร์ และวรรณคดี อันเป็นรากฐานสำคัญของการศึกษาวิทยาการทางอักษรศาสตร์ของชาติ ความจริงศัพทม์ "สยาม" นี้ หากพิจารณากันเพียงเผิน ๆ ก็ดูไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก เพราะเป็นเสมือนคำธรรมดาสามัญที่เคยพบเคยเห็นกันมาจนชินตาแล้ว ประกอบด้วยเป็นชื่อของประเทศและสัญชาติของประชาชนชาวไทยมาแต่โบราณกาล จึงทำให้ไม่เห็นข้อันควรจะพิศวง แต่เมื่อมาพิจารณาดูให้ถ่องแท้แล้ว จะเห็นได้ว่า การหาคำแปลและความหมายตลอดจนที่มาของศัพท์ "สยาม" ให้ได้ผลใกล้กับความเป็นจริงนั้นย่อมกระทำได้ด้วยความลำบากยากยิ่ง ทั้งความหมายเดิมจะมีอยู่ว่ากระไรก็หาได้มีผู้ใดกล่าวไว้ให้<noinclude>{{ก|– ๓๔ –}}</noinclude> p5r15t4x7t6x1z15m8s9e4vqtpn08d7 แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง 10 57571 188426 2022-07-31T10:17:22Z Venise12mai1834 8884 สร้างหน้าด้วย "<sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ต{{{1|}}}}}[[#ป{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{documentation}}</noinclude>" wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ต{{{1|}}}}}[[#ป{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{documentation}}</noinclude> d9mm7mvuzuzw7dfy5wrr9k1wukuiwkb 188432 188426 2022-07-31T10:32:14Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ต{{{1|}}}}}[[#ป{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยต]]}}{{documentation}}</noinclude> b2sewz6sr4tgx86prnd3752wan76p10 188444 188432 2022-07-31T11:00:00Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px; font-style:{{{ไม่หนา|{{{มน|{{{no-bold|{{{nb|bold}}}}}}}}}}}};">{{ตรึง|ต{{{1|}}}}}[[#ป{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยต]]}}{{documentation}}</noinclude> cka8y03nqtv26rh7wrbfzfl0oeoplkk 188446 188444 2022-07-31T11:03:46Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ต{{{1|}}}}}[[#ป{{{1|}}}|'''{{{1}}}''']]</sup><noinclude>{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยต]]}}{{documentation}}</noinclude> 8dq4ug207c91qpihdc9ndgwe3qslfhn แม่แบบ:ลตยต 10 57572 188427 2022-07-31T10:17:51Z Venise12mai1834 8884 เปลี่ยนทางหน้าไปยัง [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง]] wikitext text/x-wiki #REDIRECT [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง]] g98jt2d08e3dwpxt2wwunlijyvpu7nv แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง 10 57573 188428 2022-07-31T10:22:55Z Venise12mai1834 8884 สร้างหน้าด้วย "<sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ป{{{1|}}}}}[[#ต{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{documentation}}</noinclude>" wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ป{{{1|}}}}}[[#ต{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{documentation}}</noinclude> hg2r13vp43y9nd9jaye46tpu12fnh53 188433 188428 2022-07-31T10:33:03Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ป{{{1|}}}}}[[#ต{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยป]]}}{{ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง/doc}}</noinclude> 4m89ba3104qaa8ot9k9vydd3ct04lvf 188434 188433 2022-07-31T10:36:22Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ป{{{1|}}}}}[[#ต{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยป]]}} {{documentation|แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง/doc}}</noinclude> 7bm2sh3ryth7xbn0zw8ebnv638hrig8 188443 188434 2022-07-31T10:59:36Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px; font-style:{{{ไม่หนา|{{{มน|{{{no-bold|{{{nb|bold}}}}}}}}}}}};">{{ตรึง|ป{{{1|}}}}}[[#ต{{{1|}}}|{{{1}}}]]</sup><noinclude>{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยป]]}} {{documentation|แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง/doc}}</noinclude> ogre0cw81f7sowhky7n4n47u771ogx5 188447 188443 2022-07-31T11:04:04Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki <sup style= "font-size:{{{ขนาดอักษร|{{{ขนอ|{{{font-size|{{{fs|66}}}}}}}}}}}}%; vertical-align:0.6em; line-height:0px;">{{ตรึง|ป{{{1|}}}}}[[#ต{{{1|}}}|'''{{{1}}}''']]</sup><noinclude>{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยป]]}} {{documentation|แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง/doc}}</noinclude> iy9apyjyfxmjhuu7uglelxwuf5q98gw แม่แบบ:ลตยป 10 57574 188429 2022-07-31T10:23:24Z Venise12mai1834 8884 เปลี่ยนทางหน้าไปยัง [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] wikitext text/x-wiki #REDIRECT [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] 918hj78smh06cgp8cyf74h389cu3jms แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง/doc 10 57575 188430 2022-07-31T10:27:26Z Venise12mai1834 8884 สร้างหน้าด้วย "{{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยต]]}} ==วัตถุประสงค์== แม่แบบนี้ใช้สร้างตัวยก (superscript) เรียกว่า "ตัวยกต้นทาง" โดยมีจุดตรึง (anchor) และมีลิงก์ผ่านจุดตรึงนั้นไปยังตัวยกอีกจุดหนึ่ง เรียกว่..." wikitext text/x-wiki {{เว็บย่อ|[[แม่แบบ:ลตยต]]}} ==วัตถุประสงค์== แม่แบบนี้ใช้สร้างตัวยก (superscript) เรียกว่า "ตัวยกต้นทาง" โดยมีจุดตรึง (anchor) และมีลิงก์ผ่านจุดตรึงนั้นไปยังตัวยกอีกจุดหนึ่ง เรียกว่า "ตัวยกปลายทาง" ดังนั้น แม่แบบนี้ใช้ควบคู่กับ [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] ==วิธีใช้== <pre>{{ลตยต|ข้อความตัวยก}}</pre> ขนาดอัตโนมัติของตัวยก คือ 66% ปรับแต่งได้โดยเพิ่มโค้ดเข้าไปดังนี้ <code>|ขนอ = เลขขนาดที่ต้องการ (ไม่ต้องใส่ %)</code> (คำว่า "ขนอ" ดังกล่าว สามารถใช้คำต่อไปนี้แทน คือ "ขนาดอักษร", "font-size", หรือ "fs") ==ตัวอย่าง== <pre> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </pre> <div style="border:thin blue solid; padding:8px; margin:4px"> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </div> ==ดูเพิ่ม== * [[แม่แบบ:ตัวยก]] * [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] [[หมวดหมู่:แม่แบบลิงก์]] [[หมวดหมู่:แม่แบบที่สร้างจุดตรึง]] fg8t7jz47mflzboi7c8t8qqrmdk3mah 188431 188430 2022-07-31T10:31:36Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki ==วัตถุประสงค์== แม่แบบนี้ใช้สร้างตัวยก (superscript) ต้นทางและปลายทาง โดยมีจุดตรึง (anchor) และมีลิงก์ผ่านจุดตรึงไปหากัน ดังนั้น จึงต้องใช้ควบคู่กันระหว่าง [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง]] (ลตยต) กับ [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] (ลตยป) ==วิธีใช้== สำหรับต้นทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยต|ข้อความตัวยก}}</pre> สำหรับปลายทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยป|ข้อความตัวยก}}</pre> ขนาดอัตโนมัติของตัวยก คือ 66% ปรับแต่งได้โดยเพิ่มโค้ดเข้าไปดังนี้ <code>|ขนอ = เลขขนาดที่ต้องการ (ไม่ต้องใส่ %)</code> (คำว่า "ขนอ" ดังกล่าว สามารถใช้คำต่อไปนี้แทน คือ "ขนาดอักษร", "font-size", หรือ "fs") ==ตัวอย่าง== <pre> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </pre> <div style="border:thin blue solid; padding:8px; margin:4px"> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </div> ==ดูเพิ่ม== * [[แม่แบบ:ตัวยก]] [[หมวดหมู่:แม่แบบลิงก์]] [[หมวดหมู่:แม่แบบที่สร้างจุดตรึง]] koea9kq8p07ozpr6371q4ytj1gwimh8 188439 188431 2022-07-31T10:45:13Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki ==วัตถุประสงค์== แม่แบบนี้ใช้สร้างตัวยก (superscript) ต้นทางและปลายทาง โดยมีจุดตรึง (anchor) และมีลิงก์ผ่านจุดตรึงไปหากัน ดังนั้น จึงต้องใช้ควบคู่กันระหว่าง [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง]] (ลตยต) กับ [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] (ลตยป) ==วิธีใช้== สำหรับต้นทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยต|ข้อความตัวยก}}</pre> สำหรับปลายทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยป|ข้อความตัวยก}}</pre> ; หมายเหตุ # "ข้อความตัวยก" สำหรับต้นทางและปลายทาง ต้องเป็นข้อความเดียวกัน (ดูตัวอย่างข้างล่าง) # ขนาดอัตโนมัติของตัวยก คือ 66% ปรับแต่งได้โดยเพิ่มโค้ดเข้าไปดังนี้ <code>|ขนอ = เลขขนาดที่ต้องการ (ไม่ต้องใส่ %)</code> (คำว่า "ขนอ" ดังกล่าว สามารถใช้คำต่อไปนี้แทน คือ "ขนาดอักษร", "font-size", หรือ "fs") ==ตัวอย่าง== <pre> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </pre> <div style="border:thin blue solid; padding:8px; margin:4px"> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </div> ==ดูเพิ่ม== * [[แม่แบบ:ตัวยก]] [[หมวดหมู่:แม่แบบลิงก์]] [[หมวดหมู่:แม่แบบที่สร้างจุดตรึง]] 12wyjut5cxo41cyektuhdw7ieehjr4p 188440 188439 2022-07-31T10:45:46Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki ==วัตถุประสงค์== แม่แบบนี้ใช้สร้างตัวยก (superscript) ต้นทางและปลายทาง โดยมีจุดตรึง (anchor) และมีลิงก์ผ่านจุดตรึงไปหากัน ดังนั้น จึงต้องใช้ควบคู่กันระหว่าง [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง]] (ลตยต) กับ [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] (ลตยป) ==วิธีใช้== สำหรับต้นทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยต|ข้อความตัวยก}}</pre> สำหรับปลายทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยป|ข้อความตัวยก}}</pre> ; หมายเหตุ "ข้อความตัวยก" สำหรับต้นทางและปลายทาง ต้องเป็นข้อความเดียวกัน (ดู [[#ตัวอย่าง]] ข้างล่าง) ขนาดอัตโนมัติของตัวยก คือ 66% ปรับแต่งได้โดยเพิ่มโค้ดเข้าไปดังนี้ <code>|ขนอ = เลขขนาดที่ต้องการ (ไม่ต้องใส่ %)</code> (คำว่า "ขนอ" ดังกล่าว สามารถใช้คำต่อไปนี้แทน คือ "ขนาดอักษร", "font-size", หรือ "fs") ==ตัวอย่าง== <pre> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </pre> <div style="border:thin blue solid; padding:8px; margin:4px"> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </div> ==ดูเพิ่ม== * [[แม่แบบ:ตัวยก]] [[หมวดหมู่:แม่แบบลิงก์]] [[หมวดหมู่:แม่แบบที่สร้างจุดตรึง]] com63tha11zo48z0kebg6mk522mn06o 188441 188440 2022-07-31T10:46:54Z Venise12mai1834 8884 wikitext text/x-wiki ==วัตถุประสงค์== แม่แบบนี้ใช้สร้างตัวยก (superscript) ต้นทางและปลายทาง โดยมีจุดตรึง (anchor) และมีลิงก์ผ่านจุดตรึงไปหากัน ดังนั้น จึงต้องใช้ควบคู่กันระหว่าง [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ต้นทาง]] (ลตยต) กับ [[แม่แบบ:ลิงก์ตัวยก-ปลายทาง]] (ลตยป) ==วิธีใช้== สำหรับต้นทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยต|ข้อความตัวยก}}</pre> สำหรับปลายทาง ใช้โค้ดดังนี้ <pre>{{ลตยป|ข้อความตัวยก}}</pre> ; หมายเหตุ "ข้อความตัวยก" สำหรับต้นทางและปลายทาง ต้องเป็นข้อความเดียวกัน (ดู [[#ตัวอย่าง]] ข้างล่าง) ขนาดอัตโนมัติของตัวยก คือ 66% ปรับแต่งได้โดยเพิ่มโค้ดเข้าไปดังนี้ <code>|ขนอ = เลขขนาดที่ต้องการ (ไม่ต้องใส่ %)</code> (คำว่า "ขนอ" ดังกล่าว สามารถใช้คำต่อไปนี้แทน คือ "ขนาดอักษร", "font-size", หรือ "fs") ==ตัวอย่าง== <pre> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </pre> <div style="border:thin blue solid; padding:8px; margin:4px"> ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ{{ลตยต|1}} {{ลตยป|1}}ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู </div> ==ดูเพิ่ม== * [[แม่แบบ:ตัวยก]] * [[แม่แบบ:ตรึงและลิงก์]] [[หมวดหมู่:แม่แบบลิงก์]] [[หมวดหมู่:แม่แบบที่สร้างจุดตรึง]] 77g9g19tymno8109hs93dvilzob2mho หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/42 250 57576 188435 2022-07-31T10:37:26Z Venise12mai1834 8884 /* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เห็นชัดไม่ มีแต่สันนิษฐานกันไปตามความคิดเห็นซึ่งไม่มีมติที่แน่นอน ทำให้ผู้ศึกษาในชั้นหลังไม่สามารถจะทราบได้แน่ชัดโดยเหตุและผลว่า "สยาม" มาจากไหน? แปลว่าอะไร? และมีความหมายว่ากระไร? เนื่องด้วยไม่มีผู้ให้คำจำกัดความหรือความหมายที่แน่นอนของศัพท์ "สยาม" ได้นี้เอง จึงเป็นเหตุให้ชนต่างชาติกล่าวได้ว่า "คนไทยเองก็ไม่รู้ว่า สยามมาจากไหน"{{ลตยต|๑}} และบางคนก็กล่าวว่า การที่ประเทศไทยได้ชื่อว่า "สยาม" นั้นเป็นเพราะฝรั่งโปรตุเกศเป็นผู้ตั้งชื่อให้{{ลตยต|๒}}<noinclude>{{ก|– ๓๕ –}}</noinclude> 13vtdfoeykzwdvwuj5m143bw4s2j9bj 188436 188435 2022-07-31T10:39:16Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เห็นชัดไม่ มีแต่สันนิษฐานกันไปตามความคิดเห็นซึ่งไม่มีมติที่แน่นอน ทำให้ผู้ศึกษาในชั้นหลังไม่สามารถจะทราบได้แน่ชัดโดยเหตุและผลว่า "สยาม" มาจากไหน? แปลว่าอะไร? และมีความหมายว่ากระไร? เนื่องด้วยไม่มีผู้ให้คำจำกัดความหรือความหมายที่แน่นอนของศัพท์ "สยาม" ได้นี้เอง จึงเป็นเหตุให้ชนต่างชาติกล่าวได้ว่า "คนไทยเองก็ไม่รู้ว่า สยามมาจากไหน"{{ลตยต|๑}} และบางคนก็กล่าวว่า การที่ประเทศไทยได้ชื่อว่า "สยาม" นั้นเป็นเพราะฝรั่งโปรตุเกศเป็นผู้ตั้งชื่อให้{{ลตยต|๒}} การที่มีผู้กล่าวเช่นนี้ ฟังดูก็เป็นข้อที่น่าคิดและน่าเอาใจใส่อยู่บ้าง ยิ่งสำหรับคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศสยาม เอกราชแห่งเดียวในคาบสมุทรอินโดจีนด้วยแล้ว เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ความหมายและที่มาของชื่อประเทศตน ความจริง ผู้ตั้งชื่อประเทศให้ชื่อประเทศนี้ว่า "สยาม" นั้น น่าจะเป็นเพราะศัพท์ "สยาม" มีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภูมิประเทศหรือประชาชนชาวไทยในครั้งกระโน้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย และน่าจะมีความสำคัญเท่ากันกับคำว่า "ไทย" ซึ่งมีอยู่กับชนชาว<noinclude>{{ก|– ๓๕ –}}</noinclude> hrbtksefkg6g0p3thl0oh3y41fv8qo2 188437 188436 2022-07-31T10:39:46Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เห็นชัดไม่ มีแต่สันนิษฐานกันไปตามความคิดเห็นซึ่งไม่มีมติที่แน่นอน ทำให้ผู้ศึกษาในชั้นหลังไม่สามารถจะทราบได้แน่ชัดโดยเหตุและผลว่า "สยาม" มาจากไหน? แปลว่าอะไร? และมีความหมายว่ากระไร? เนื่องด้วยไม่มีผู้ให้คำจำกัดความหรือความหมายที่แน่นอนของศัพท์ "สยาม" ได้นี้เอง จึงเป็นเหตุให้ชนต่างชาติกล่าวได้ว่า "คนไทยเองก็ไม่รู้ว่า สยามมาจากไหน"{{ลตยต|๑}} และบางคนก็กล่าวว่า การที่ประเทศไทยได้ชื่อว่า "สยาม" นั้นเป็นเพราะฝรั่งโปรตุเกศเป็นผู้ตั้งชื่อให้{{ลตยต|๒}} การที่มีผู้กล่าวเช่นนี้ ฟังดูก็เป็นข้อที่น่าคิดและน่าเอาใจใส่อยู่บ้าง ยิ่งสำหรับคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศสยาม เอกราชแห่งเดียวในคาบสมุทรอินโดจีนด้วยแล้ว เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ความหมายและที่มาของชื่อประเทศตน ความจริง ผู้ตั้งชื่อประเทศให้ชื่อประเทศนี้ว่า "สยาม" นั้น น่าจะเป็นเพราะศัพท์ "สยาม" มีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภูมิประเทศหรือประชาชนชาวไทยในครั้งกระโน้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย และน่าจะมีความสำคัญเท่ากันกับคำว่า "ไทย" ซึ่งมีอยู่กับชนชาว<noinclude>{{ก|– ๓๕ –}}</noinclude> cduxvocj5rmsy5bwx1nralrs0hb7u2t หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/43 250 57577 188438 2022-07-31T10:43:07Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>ไทยในปัจจุบัน หรือยิ่งไปกว่า ก็อาจเป็นได้ทั้งสองสถาน แต่ความหมายของศัพท์ "สยาม" นี้อาจเลือนและคงค่อย ๆ กลายไป ๆ ทีละน้อย ๆ จนผิดเพี้ยนไปจากความหมายเดิมยิ่งขึ้นทุกที กระทั่งยากที่จะสืบเสาะค้นหาความหมายอันแท้จริงได้ ทำนองเดียวกันกับคำโบราณอื่น ๆ ที่ยังความยุ่งยากให้แก่ผู้ศึกษานิรุกติศาสตร์ในสมัยนี้ ความหมายของศัพท์ "สยาม" จะถูกทอดทิ้งมาเป็นเวลานานเท่าไร ยากที่จะกำหนดลงไปให้แน่นอนในขณะนี้ได้ ยิ่งนานวันเข้า ที่มา คำแปล และความหมายของศัพท์ "สยาม" ก็จะสูญไปสิ้นไปจนอยู่นอกข่ายของความเอาใจใส่ของปวงชน ผู้ใฝ่ใจและสนใจกระตือรือร้นที่จะรู้เรื่องราวของศัพท์ "สยาม" ในปัจจุบันนี้คงจะไม่มีใครอื่นนอกจากผู้มีใจรักในการศึกษาทางนิรุกติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวรรณคดีของชาติเท่านั้น เพราะบุคคลจำพวกนี้มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องสืบสวน ค้นคว้า และบันทึกผลอันเกิดแต่ความอุตสาหะนั้นไว้เพื่อประโยชน์แห่งการศึกษาในทางอักษรศาสตร์ อันเป็นวัฒนธรรมประจำชาติสืบไป {{มปก}}<noinclude>{{ก|– ๓๖ –}}</noinclude> dh5ytlja3snttzreyds74p0ktfxhy7j หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/44 250 57578 188442 2022-07-31T10:55:31Z Venise12mai1834 8884 /* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>การค้นคว้าหาความหมายของศัพท์ "สยาม" นี้มิใช่ว่าจะเพิ่งมีผู้เริ่มคิดค้นเฉพาะในขณะเมื่อไทยเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" ไปเป็น "ไทย" ความจริงได้มีผู้พากเพียรค้นคว้ามานานหนักหนาแล้ว แม้พระสารสาสน์พลขันธ์{{ลตยต|๓}} ข้าราชการไทยชาวอิตาเลียน ก็ได้เคยอธิบายไว้ในหนังสือ {{พญ|Asiatic Quarterly}} ได้ความเพียงว่า "ปโตเลมี นักปราชญ์ชาวกรีก ได้กล่าวถึง สามรัฐ ว่า เป็นชื่อภูมิประเทศใกล้บางกอก" แต่ก็หาได้ความชัดเจนไม่ว่า "สยาม" หมายความว่ากระไร?<noinclude>{{ก|– ๓๗ –}}</noinclude> mjsbibv54u9lul0twdy96haiw1hpsgp 188445 188442 2022-07-31T11:02:07Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>การค้นคว้าหาความหมายของศัพท์ "สยาม" นี้มิใช่ว่าจะเพิ่งมีผู้เริ่มคิดค้นเฉพาะในขณะเมื่อไทยเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" ไปเป็น "ไทย" ความจริงได้มีผู้พากเพียรค้นคว้ามานานหนักหนาแล้ว แม้พระสารสาสน์พลขันธ์{{ลตยต|๓}} ข้าราชการไทยชาวอิตาเลียน ก็ได้เคยอธิบายไว้ในหนังสือ {{พญ|Asiatic Quarterly}} ได้ความเพียงว่า "ปโตเลมี นักปราชญ์ชาวกรีก ได้กล่าวถึง สามรัฐ ว่า เป็นชื่อภูมิประเทศใกล้บางกอก" แต่ก็หาได้ความชัดเจนไม่ว่า "สยาม" หมายความว่ากระไร? ความจริง ชื่อประเทศว่า "สยาม" นี้ ไทยน่าจะได้รับมานานแล้ว และน่าจะนานถึงสมัยเมื่อไทยยังมีถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ในประเทศจีนบัดนี้ เพราะตามประวัติศาสตร์ก็ปรากฏหลักฐานยืนยันว่า ไทยเดิมอยู่ในประเทศจีนและอพยพลงมาจากเมืองจีน ตามนิรุกติศาสตร์ภาษาก็บ่งชัดอยู่ว่า มีความละม้ายคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ ตามทางศีลธรรมและวัฒนธรรมไทยกับจีนก็นับว่า มีความเป็นอยู่ใกล้เคียงกันหาน้อยไม่{{ลตยต|๔}} ทั้งปรากฏตามหลักฐานหลายแห่งว่า จีนเคยเรียกไทยด้วยถ้อยคำสำเนียงคล้าย<noinclude>{{ก|– ๓๗ –}}</noinclude> 7if0y5xinkb743t4u4ccp82godzx918 188448 188445 2022-07-31T11:06:31Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>การค้นคว้าหาความหมายของศัพท์ "สยาม" นี้มิใช่ว่าจะเพิ่งมีผู้เริ่มคิดค้นเฉพาะในขณะเมื่อไทยเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" ไปเป็น "ไทย" ความจริงได้มีผู้พากเพียรค้นคว้ามานานหนักหนาแล้ว แม้พระสารสาสน์พลขันธ์{{ลตยต|๓}} ข้าราชการไทยชาวอิตาเลียน ก็ได้เคยอธิบายไว้ในหนังสือ {{พญ|Asiatic Quarterly}} ได้ความเพียงว่า "ปโตเลมี นักปราชญ์ชาวกรีก ได้กล่าวถึง สามรัฐ ว่า เป็นชื่อภูมิประเทศใกล้บางกอก" แต่ก็หาได้ความชัดเจนไม่ว่า "สยาม" หมายความว่ากระไร? ความจริง ชื่อประเทศว่า "สยาม" นี้ ไทยน่าจะได้รับมานานแล้ว และน่าจะนานถึงสมัยเมื่อไทยยังมีถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ในประเทศจีนบัดนี้ เพราะตามประวัติศาสตร์ก็ปรากฏหลักฐานยืนยันว่า ไทยเดิมอยู่ในประเทศจีนและอพยพลงมาจากเมืองจีน ตามนิรุกติศาสตร์ภาษาก็บ่งชัดอยู่ว่า มีความละม้ายคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ ตามทางศีลธรรมและวัฒนธรรมไทยกับจีนก็นับว่า มีความเป็นอยู่ใกล้เคียงกันหาน้อยไม่{{ลตยต|๔}} ทั้งปรากฏตามหลักฐานหลายแห่งว่า จีนเคยเรียกไทยด้วยถ้อยคำสำเนียงคล้าย{{วว}}<noinclude>{{ก|– ๓๗ –}}</noinclude> tjwnhele6z8sfklxnkjqy8nak9mejl1 หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/45 250 57579 188449 2022-07-31T11:10:09Z Venise12mai1834 8884 /* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>"สยาม" ว่า "เซียม" บ้าง "เสี้ยม" บ้าง "เสี้ยมก๊ก" บ้าง เสี้ยนโล้ บ้าง และบางคราวก็ว่า "เสี้ยมหลอ" หรือ "เสี้ยมล่อก๊ก" ฯลฯ ในหนังสือของโบราณคดีสโมสรเรื่อง "พระราชไมตรีในระหว่างกรุงสยามกับกรุงจีน"{{ลตยต|๕}} ซึ่งแปลจากหนังสือในภาษาจีนชื่อ คิมเตี้ยซกทางจี๋ หวงเฉียวบุ๋นเหี่ยนทงเค้า และ ยี่จั๊บสี่ซื้อ ปรากฏว่า แต่โบราณมา จีนเรียกพระเจ้าแผ่นดินไทยว่า "เสี้ยมหลอก๊กอ๋อง"{{ลตยต|๖}} ด้วยเหตุผลดั่งกล่าวมาแล้วนี้ จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า "สยาม" เป็นชื่อเก่าแก่ใช้เรียกไทยมาแต่โบราณกาลเมื่ออยู่ในประเทศจีน และเป็นชื่อที่ติดมากับชนชาติไทยในเมืองไทยเดิม ไทยใช้เรียกนามประเทศและสัญชาติของประชาชนมาโดยลำดับมากบ้างน้อยบ้างตามสมัยนิยม จนถึงวันชาติใน พ.ศ. ๒๔๘๒ ไทยจึงได้ประกาศเป็นรัฐนิยมเลิกใช้ชื่อ "สยาม" เสีย เปลี่ยนชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติของประชาชน เป็น ประเทศไทย ชาวไทย และชาติไทย โดยลำดับ ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยได้เป็น "ไท" โดยสมบูรณ์ คือ "เป็นไทแก่เทศ เป็นไทแก่ไท้ และเป็นไทแก่ไทย" และให้<noinclude>{{ก|– ๓๘ –}}</noinclude> og0tq4tenrh4n0pgtzqes8ix3yeofv9 188450 188449 2022-07-31T11:10:23Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>"สยาม" ว่า "เซียม" บ้าง "เสี้ยม" บ้าง "เสี้ยมก๊ก" บ้าง เสี้ยนโล้ บ้าง และบางคราวก็ว่า "เสี้ยมหลอ" หรือ "เสี้ยมล่อก๊ก" ฯลฯ ในหนังสือของโบราณคดีสโมสรเรื่อง "พระราชไมตรีในระหว่างกรุงสยามกับกรุงจีน"{{ลตยต|๕}} ซึ่งแปลจากหนังสือในภาษาจีนชื่อ คิมเตี้ยซกทางจี๋ หวงเฉียวบุ๋นเหี่ยนทงเค้า และ ยี่จั๊บสี่ซื้อ ปรากฏว่า แต่โบราณมา จีนเรียกพระเจ้าแผ่นดินไทยว่า "เสี้ยมหลอก๊กอ๋อง"{{ลตยต|๖}} ด้วยเหตุผลดั่งกล่าวมาแล้วนี้ จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า "สยาม" เป็นชื่อเก่าแก่ใช้เรียกไทยมาแต่โบราณกาลเมื่ออยู่ในประเทศจีน และเป็นชื่อที่ติดมากับชนชาติไทยในเมืองไทยเดิม ไทยใช้เรียกนามประเทศและสัญชาติของประชาชนมาโดยลำดับมากบ้างน้อยบ้างตามสมัยนิยม จนถึงวันชาติใน พ.ศ. ๒๔๘๒ ไทยจึงได้ประกาศเป็นรัฐนิยมเลิกใช้ชื่อ "สยาม" เสีย เปลี่ยนชื่อประเทศ ประชาชน และสัญชาติของประชาชน เป็น ประเทศไทย ชาวไทย และชาติไทย โดยลำดับ ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยได้เป็น "ไท" โดยสมบูรณ์ คือ "เป็นไทแก่เทศ เป็นไทแก่ไท้ และเป็นไทแก่ไทย" และให้<noinclude>{{ก|– ๓๘ –}}</noinclude> fgys87ybz1sf4wq03062o1cescyastd หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/46 250 57580 188451 2022-07-31T11:11:58Z Venise12mai1834 8884 /* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เพื่อนไทยด้วยกันรู้ถึงความเป็นไทของชาติว่า "ไทย" ในท่ามกลางแห่งคาบสมุทรอินโดจีนนี้เป็นชาติไทยโดยแท้ เป็นไทยที่สมบูรณ์ด้วยเอกราชเจดีย์ที่ไทยบูชา{{ลตยต|๗}} ในเรื่องความหมายของคำว่า "ไทย" นั้น ได้มีผู้ค้นคว้าไว้ได้มาก ที่นับว่าสำคัญควรจะหยิบยกขึ้นพิจารณา ก็คือ ความเห็นของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) ซึ่งมีอยู่ดั่งต่อไปนี้<noinclude>{{ก|– ๓๙ –}}</noinclude> im0jxkjomtv95ywpwug0ceqxzel2olm 188452 188451 2022-07-31T11:20:02Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เพื่อนไทยด้วยกันรู้ถึงความเป็นไทของชาติว่า "ไทย" ในท่ามกลางแห่งคาบสมุทรอินโดจีนนี้เป็นชาติไทยโดยแท้ เป็นไทยที่สมบูรณ์ด้วยเอกราชเจดีย์ที่ไทยบูชา{{ลตยต|๗}} ในเรื่องความหมายของคำว่า "ไทย" นั้น ได้มีผู้ค้นคว้าไว้ได้มาก ที่นับว่าสำคัญควรจะหยิบยกขึ้นพิจารณา ก็คือ ความเห็นของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) ซึ่งมีอยู่ดั่งต่อไปนี้ "คำว่า ไทย แปลว่า สว่าง ว่า ขาว ในสันสกฤตใช้เรียกดวงอาทิตย์และพวกอารยว่า ไทย ด้วย เช่น คำว่า อุไทย คือ อาทิตย์ขึ้น พระนามพระเจ้าสมันตราช คือ ปโรราชะในปฐมสมโพธินั้น ก็มีคำว่า ทัศไทย สว่างสิบเท่า นามดาวพฤหัสบดี ในภาษาอังกฤษเรียกว่า ยุปิเตอร์ นั้น มาแต่คำว่า ไทโยปิตา บิดาของความสว่าง คำว่า ไทย ที่มาในภาษาจีนนั้น ออกจากอักษรคำว่า เทียน คือ ฟ้า ตรงข้ามกับคำว่า ที่ คือ ดิน จีนใช้คำว่า ไทย แปลว่า เป็นใหญ่ ตรงกับคำอังกฤษว่า แกรนด์ หรือ เอกเซลเลนต์ ใช้ในคำนำนามผู้เป็นใหญ่ เช่น ฮ่องตี้ ฮ่องไทยตี้ ฮ่องเฮ้า ฮ่องไทยเฮ้า ไทยจื๊อ ไทยเจียง และอื่น ๆ บางทีใช้<noinclude>{{ก|– ๓๙ –}}</noinclude> kr172fxkq9ev0snu6ckzgllwauh49h1 188453 188452 2022-07-31T11:20:13Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เพื่อนไทยด้วยกันรู้ถึงความเป็นไทของชาติว่า "ไทย" ในท่ามกลางแห่งคาบสมุทรอินโดจีนนี้เป็นชาติไทยโดยแท้ เป็นไทยที่สมบูรณ์ด้วยเอกราชเจดีย์ที่ไทยบูชา{{ลตยต|๗}} ในเรื่องความหมายของคำว่า "ไทย" นั้น ได้มีผู้ค้นคว้าไว้ได้มาก ที่นับว่าสำคัญควรจะหยิบยกขึ้นพิจารณา ก็คือ ความเห็นของพระยาประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค) ซึ่งมีอยู่ดั่งต่อไปนี้ "คำว่า ไทย แปลว่า สว่าง ว่า ขาว ในสันสกฤตใช้เรียกดวงอาทิตย์และพวกอารยว่า ไทย ด้วย เช่น คำว่า อุไทย คือ อาทิตย์ขึ้น พระนามพระเจ้าสมันตราช คือ ปโรราชะในปฐมสมโพธินั้น ก็มีคำว่า ทัศไทย สว่างสิบเท่า นามดาวพฤหัสบดี ในภาษาอังกฤษเรียกว่า ยุปิเตอร์ นั้น มาแต่คำว่า ไทโยปิตา บิดาของความสว่าง คำว่า ไทย ที่มาในภาษาจีนนั้น ออกจากอักษรคำว่า เทียน คือ ฟ้า ตรงข้ามกับคำว่า ที่ คือ ดิน จีนใช้คำว่า ไทย แปลว่า เป็นใหญ่ ตรงกับคำอังกฤษว่า แกรนด์ หรือ เอกเซลเลนต์ ใช้ในคำนำนามผู้เป็นใหญ่ เช่น ฮ่องตี้ ฮ่องไทยตี้ ฮ่องเฮ้า ฮ่องไทยเฮ้า ไทยจื๊อ ไทยเจียง และอื่น ๆ บางทีใช้<noinclude>{{ก|– ๓๙ –}}</noinclude> 0qoxvrb8r91bbkpuh2215v604iig5wr หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/47 250 57581 188454 2022-07-31T11:28:33Z Venise12mai1834 8884 /* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ สร้างหน้าด้วย "เป็นสรรพนามแทนพระนามเจ้าแผ่นดินต่างประเทศ เช่น คำว่า ไทยอิงก๊ก เจ้าแผ่นดินอังกฤษ ไทยฟ้าก๊ก ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไทยเมก๊ก ประธานาธิบดีอเมริกา ไทยโงโหลซีก๊ก พร..." proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เป็นสรรพนามแทนพระนามเจ้าแผ่นดินต่างประเทศ เช่น คำว่า ไทยอิงก๊ก เจ้าแผ่นดินอังกฤษ ไทยฟ้าก๊ก ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไทยเมก๊ก ประธานาธิบดีอเมริกา ไทยโงโหลซีก๊ก พระเจ้าแผ่นดินรัสเซีย ดังนี้เป็นต้น ในภาษาไทยก็ใช้เรียกเทวดาและกษัตริยืว่า เทพไทย ท้าวไทย เรียกพระสงฆ์ว่า เจ้าไทย เรียกหญิงงามว่า อ่อนไทย อรไทย เรียกผู้พ้นยากจากหนี้ว่า เป็นไทย เรียกผู้มีอิสรภาพแก่ตัวว่า เป็นไทยแก่ตัว ใจความก็เป็นอย่างเดียวกัน แต่ในภาษาลาวนั้น คำว่า ไทย ใช้เฝือจนเป็นคำใช้แทนคำว่า คน เช่น คนในเรือน ว่า ไทยเรือน คนมาแปลก ว่า ไทยแขก คนเราคนเขา ว่า ไทยตนไทยเพื่อน ไพร่บ้านไทยเมือง ในมหาชาติคำหลวง กัณฑ์ทานกัณฑ์ มีคำว่า ข้าเคียดไทยใจแทตย ขับพระแพทสยันดร ไทยใจแทตย คือว่า คนใจยักษ์ หรือผี หรือทมิฬ เช่นนี้เป็นต้น เหตุที่ลาวใช้คำว่า ไทย แทนคำว่า คน นั้น เนื่องมาจากการถือชาติว่า เป็นตระกูลแถน หรือ เทียน ในภาษาจีน แปลว่า ฟ้า คนที่มาจากตระกูลแถน เรียกว่า ไทย คือ พวกฟ้า หรือพวกสว่าง พวกขาว ทั้งสิ้น"{{ลตยต|๘}} {{มปก}}<noinclude>{{ก|– ๔๐ –}}</noinclude> sdebiizhs2kg61k198spcugiwx3j90a 188455 188454 2022-07-31T11:29:00Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>เป็นสรรพนามแทนพระนามเจ้าแผ่นดินต่างประเทศ เช่น คำว่า ไทยอิงก๊ก เจ้าแผ่นดินอังกฤษ ไทยฟ้าก๊ก ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไทยเมก๊ก ประธานาธิบดีอเมริกา ไทยโงโหลซีก๊ก พระเจ้าแผ่นดินรัสเซีย ดังนี้เป็นต้น ในภาษาไทยก็ใช้เรียกเทวดาและกษัตริย์ว่า เทพไทย ท้าวไทย เรียกพระสงฆ์ว่า เจ้าไทย เรียกหญิงงามว่า อ่อนไทย อรไทย เรียกผู้พ้นยากจากหนี้ว่า เป็นไทย เรียกผู้มีอิสรภาพแก่ตัวว่า เป็นไทยแก่ตัว ใจความก็เป็นอย่างเดียวกัน แต่ในภาษาลาวนั้น คำว่า ไทย ใช้เฝือจนเป็นคำใช้แทนคำว่า คน เช่น คนในเรือน ว่า ไทยเรือน คนมาแปลก ว่า ไทยแขก คนเราคนเขา ว่า ไทยตนไทยเพื่อน ไพร่บ้านไทยเมือง ในมหาชาติคำหลวง กัณฑ์ทานกัณฑ์ มีคำว่า ข้าเคียดไทยใจแทตย ขับพระแพทสยันดร ไทยใจแทตย คือว่า คนใจยักษ์ หรือผี หรือทมิฬ เช่นนี้เป็นต้น เหตุที่ลาวใช้คำว่า ไทย แทนคำว่า คน นั้น เนื่องมาจากการถือชาติว่า เป็นตระกูลแถน หรือ เทียน ในภาษาจีน แปลว่า ฟ้า คนที่มาจากตระกูลแถน เรียกว่า ไทย คือ พวกฟ้า หรือพวกสว่าง พวกขาว ทั้งสิ้น"{{ลตยต|๘}} {{มปก}}<noinclude>{{ก|– ๔๐ –}}</noinclude> blt0c1oevifcsb6wnqxi5yhkgdybj2f หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/48 250 57582 188456 2022-07-31T11:30:45Z Venise12mai1834 8884 /* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำแปล ความหมาย และที่มาของคำว่า "ไทย" ที่ได้คัดมาแสดงไว้ข้างต้นนี้ เฉพาะคำแปลที่ว่า สว่าง ว่า ขาว และว่า มาจากศัพท์สันสกฤตนั้น เป็นความเห็นที่ควรจะได้รับความสนับสนุน เพราะคำว่า "สว่าง" นี้ไปตรงกับพระนามของกษัตริย์องค์สำคัญของไทย และนามราชวงศ์ของพระองค์ ซึ่งมีอยู่ว่า "พระร่วง" และ "ราชวงศ์พระร่วง" โดยลำดับ ตามพระบรมราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาธีรราชเจ้า อันมีอยู่ในเบื้องต้นแห่งพระราชนิพนธ์ "พระร่วง"<noinclude>{{ก|– ๔๑ –}}</noinclude> 9pmyqswh8e2lrrl34t41wjq7pcw0t96 188457 188456 2022-07-31T11:35:06Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำแปล ความหมาย และที่มาของคำว่า "ไทย" ที่ได้คัดมาแสดงไว้ข้างต้นนี้ เฉพาะคำแปลที่ว่า สว่าง ว่า ขาว และว่า มาจากศัพท์สันสกฤตนั้น เป็นความเห็นที่ควรจะได้รับความสนับสนุน เพราะคำว่า "สว่าง" นี้ไปตรงกับพระนามของกษัตริย์องค์สำคัญของไทย และนามราชวงศ์ของพระองค์ ซึ่งมีอยู่ว่า "พระร่วง" และ "ราชวงศ์พระร่วง" โดยลำดับ ตามพระบรมราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาธีรราชเจ้า อันมีอยู่ในเบื้องต้นแห่งพระราชนิพนธ์ "พระร่วง" ของพระองค์ ก็มีอยู่ว่า "พระร่วงเจ้าองค์เป็นปฐม คือ ขุนศรีอินทราทิตย์ที่ปรากฏพระนามในจาฤกศิลาหลักอักษรไทยที่เมืองสุโขทัย" และในคำอธิบายพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา{{ลตยต|๙}} ก็มีว่า<noinclude>{{ก|– ๔๑ –}}</noinclude> 179404cod3q7330rymjfx94q302jrwx 188458 188457 2022-07-31T11:36:21Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำแปล ความหมาย และที่มาของคำว่า "ไทย" ที่ได้คัดมาแสดงไว้ข้างต้นนี้ เฉพาะคำแปลที่ว่า สว่าง ว่า ขาว และว่า มาจากศัพท์สันสกฤตนั้น เป็นความเห็นที่ควรจะได้รับความสนับสนุน เพราะคำว่า "สว่าง" นี้ไปตรงกับพระนามของกษัตริย์องค์สำคัญของไทย และนามราชวงศ์ของพระองค์ ซึ่งมีอยู่ว่า "พระร่วง" และ "ราชวงศ์พระร่วง" โดยลำดับ ตามพระบรมราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาธีรราชเจ้า อันมีอยู่ในเบื้องต้นแห่งพระราชนิพนธ์ "พระร่วง" ของพระองค์ ก็มีอยู่ว่า "พระร่วงเจ้าองค์เป็นปฐม คือ ขุนศรีอินทราทิตย์ที่ปรากฏพระนามในจาฤกศิลาหลักอักษรไทยที่เมืองสุโขทัย" และในคำอธิบายพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา{{ลตยต|๙}} ก็มีว่า "{{...}}คำว่า ร่วง ในที่นี้แปลว่า รุ่งเรือง มิใช่ หล่นลงมา เมื่อผูกพระนามเป็นภาษาสันสกฤตใช้ในราชการ จึงใช้ว่า อินทราทิตย์ ซึ่งแปลตามคติพราหมณ์ว่า เป็นเจ้าของความสว่าง{{...}}" เมื่อคำว่า "ไทย" แปลว่า สว่าง และ อินทราทิตย์ ซึ่งผูกขึ้นจาก<noinclude>{{ก|– ๔๑ –}}</noinclude> l5koi33zt5fl8z9bk27yf249eji2oek 188459 188458 2022-07-31T11:36:37Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำแปล ความหมาย และที่มาของคำว่า "ไทย" ที่ได้คัดมาแสดงไว้ข้างต้นนี้ เฉพาะคำแปลที่ว่า สว่าง ว่า ขาว และว่า มาจากศัพท์สันสกฤตนั้น เป็นความเห็นที่ควรจะได้รับความสนับสนุน เพราะคำว่า "สว่าง" นี้ไปตรงกับพระนามของกษัตริย์องค์สำคัญของไทย และนามราชวงศ์ของพระองค์ ซึ่งมีอยู่ว่า "พระร่วง" และ "ราชวงศ์พระร่วง" โดยลำดับ ตามพระบรมราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มหาธีรราชเจ้า อันมีอยู่ในเบื้องต้นแห่งพระราชนิพนธ์ "พระร่วง" ของพระองค์ ก็มีอยู่ว่า "พระร่วงเจ้าองค์เป็นปฐม คือ ขุนศรีอินทราทิตย์ที่ปรากฏพระนามในจาฤกศิลาหลักอักษรไทยที่เมืองสุโขทัย" และในคำอธิบายพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา{{ลตยต|๙}} ก็มีว่า "...คำว่า ร่วง ในที่นี้แปลว่า รุ่งเรือง มิใช่ หล่นลงมา เมื่อผูกพระนามเป็นภาษาสันสกฤตใช้ในราชการ จึงใช้ว่า อินทราทิตย์ ซึ่งแปลตามคติพราหมณ์ว่า เป็นเจ้าของความสว่าง..." เมื่อคำว่า "ไทย" แปลว่า สว่าง และ อินทราทิตย์ ซึ่งผูกขึ้นจาก<noinclude>{{ก|– ๔๑ –}}</noinclude> p82rn4lke6qr2qlkuurktq47l9rg28z หน้า:นิพนธ์ - สุมนชาติ สวัสดิกุล - ๒๕๐๗.pdf/49 250 57583 188460 2022-07-31T11:38:00Z Venise12mai1834 8884 /* ยังไม่พิสูจน์อักษร */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำว่า "ร่วง" แปลว่า เจ้าของความสว่าง ดังนี้ ความหมายของคำว่า "ไทย" ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากจะว่า เป็นเมืองของพระร่วงเจ้า หรือ "เมืองพระร่วง" ดังที่สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าเคยทรงเรียกอาณาจักรสุกโขไทก็ได้ ส่วนคำว่า "อินทราทิตย์" อันเป็นพระนามของปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุกโขไทนั้น ก็น่าจะหมายถึง "เจ้าของเมืองไทย" หรือ "เจ้าของประเทศไทย" มากกว่าที่จะหมายถึง เจ้าของความสว่างตามคติพราหมณ์เสียอีก<noinclude>{{ก|– ๔๒ –}}</noinclude> 0z6szyaa6285y6r26utx8svkyphwvfq 188461 188460 2022-07-31T11:39:29Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำว่า "ร่วง" แปลว่า เจ้าของความสว่าง ดังนี้ ความหมายของคำว่า "ไทย" ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากจะว่า เป็นเมืองของพระร่วงเจ้า หรือ "เมืองพระร่วง" ดังที่สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าเคยทรงเรียกอาณาจักรสุกโขไทก็ได้ ส่วนคำว่า "อินทราทิตย์" อันเป็นพระนามของปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุกโขไทนั้น ก็น่าจะหมายถึง "เจ้าของเมืองไทย" หรือ "เจ้าของประเทศไทย" มากกว่าที่จะหมายถึง เจ้าของความสว่างตามคติพราหมณ์เสียอีก ตามนัยดั่งอธิบายมาแล้วนี้ หากคำว่า ไทย แปลว่า สว่าง หรือ รุ่งเรือง เมืองไทย หมายถึง เมืองพระร่วง และพระร่วง คือ เจ้าของเมืองไทย แล้ว ก็น่าจะให้คำสันนิษฐานได้อย่างแน่ชัดว่า ไทยเรียกชื่อประเทศนี้ว่า เมืองไทย เรียกชื่อพลเมืองว่า คนไทย มาแต่ยุคกรุงสุกโขไทเป็นราชธานีนี้เอง ไทย เป็นศัพท์สันสกฤต{{ลตยต|๑๐}} ซึ่งเป็นภาษาที่มีใช้อยู่แล้วในครั้งกระโน้น<noinclude>{{ก|– ๔๒ –}}</noinclude> 59ug7agfh73q3jqwqg7mfgv98f7w0yg 188462 188461 2022-07-31T11:41:28Z Venise12mai1834 8884 proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="1" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำว่า "ร่วง" แปลว่า เจ้าของความสว่าง ดังนี้ ความหมายของคำว่า "ไทย" ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากจะว่า เป็นเมืองของพระร่วงเจ้า หรือ "เมืองพระร่วง" ดังที่สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าเคยทรงเรียกอาณาจักรสุกโขไทก็ได้ ส่วนคำว่า "อินทราทิตย์" อันเป็นพระนามของปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุกโขไทนั้น ก็น่าจะหมายถึง "เจ้าของเมืองไทย" หรือ "เจ้าของประเทศไทย" มากกว่าที่จะหมายถึง เจ้าของความสว่างตามคติพราหมณ์เสียอีก ตามนัยดั่งอธิบายมาแล้วนี้ หากคำว่า ไทย แปลว่า สว่าง หรือ รุ่งเรือง เมืองไทย หมายถึง เมืองพระร่วง และพระร่วง คือ เจ้าของเมืองไทย แล้ว ก็น่าจะให้คำสันนิษฐานได้อย่างแน่ชัดว่า ไทยเรียกชื่อประเทศนี้ว่า เมืองไทย เรียกชื่อพลเมืองว่า คนไทย มาแต่ยุคกรุงสุกโขไทเป็นราชธานีนี้เอง ไทย เป็นศัพท์สันสกฤต{{ลตยต|๑๐}} ซึ่งเป็นภาษาที่มีใช้อยู่แล้วในครั้งกระโน้น ข้อความในศิลาจาฤกของพ่อขุนรามคำแหงก็มีหลายคำที่เป็นศัพท์สันสกฤต เช่น คำว่า ศรีอินทราทิตย์ อันเป็นคำสำคัญเป็นต้น คำว่า{{วว}}<noinclude>{{ก|– ๔๒ –}}</noinclude> 2bon1556xa5u1brotq8m82jme54mnbg 188463 188462 2022-07-31T11:42:25Z Venise12mai1834 8884 /* พิสูจน์อักษรแล้ว */ proofread-page text/x-wiki <noinclude><pagequality level="3" user="Venise12mai1834" /></noinclude>คำว่า "ร่วง" แปลว่า เจ้าของความสว่าง ดังนี้ ความหมายของคำว่า "ไทย" ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากจะว่า เป็นเมืองของพระร่วงเจ้า หรือ "เมืองพระร่วง" ดังที่สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าเคยทรงเรียกอาณาจักรสุกโขไทก็ได้ ส่วนคำว่า "อินทราทิตย์" อันเป็นพระนามของปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุกโขไทนั้น ก็น่าจะหมายถึง "เจ้าของเมืองไทย" หรือ "เจ้าของประเทศไทย" มากกว่าที่จะหมายถึง เจ้าของความสว่างตามคติพราหมณ์เสียอีก ตามนัยดั่งอธิบายมาแล้วนี้ หากคำว่า ไทย แปลว่า สว่าง หรือ รุ่งเรือง เมืองไทย หมายถึง เมืองพระร่วง และพระร่วง คือ เจ้าของเมืองไทย แล้ว ก็น่าจะให้คำสันนิษฐานได้อย่างแน่ชัดว่า ไทยเรียกชื่อประเทศนี้ว่า เมืองไทย เรียกชื่อพลเมืองว่า คนไทย มาแต่ยุคกรุงสุกโขไทเป็นราชธานีนี้เอง ไทย เป็นศัพท์สันสกฤต{{ลตยต|๑๐}} ซึ่งเป็นภาษาที่มีใช้อยู่แล้วในครั้งกระโน้น ข้อความในศิลาจาฤกของพ่อขุนรามคำแหงก็มีหลายคำที่เป็นศัพท์สันสกฤต เช่น คำว่า ศรีอินทราทิตย์ อันเป็นคำสำคัญเป็นต้น คำว่า{{วว}}<noinclude>{{ก|– ๔๒ –}}</noinclude> 7twwuakvcpk5ekdkav9h7aokojjkn7o